-
กลับไปหน้าแรกข่าว  ดีมานด์ "ลองสเตย์" พุ่ง !
13 เม.ย. 2017

ดีมานด์ "ลองสเตย์" พุ่ง !

ธุรกิจที่ให้บริการด้านที่พักสำหรับการพำนักระยะยาว (ลองสเตย์) ของผู้สูงอายุต่างชาติในไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 21% ต่อปีซึ่งได้รับอานิสงส์จากจำนวนผู้ขอวีซ่าที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของจำนวนผู้ขอวีซ่าดังกล่าวมีทิศทางเดียวกันกับสัดส่วนของนักท่องเที่ยวสูงอายุที่เพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงการขยายระยะเวลาการพำนักระยะยาวเป็น 10 ปี ส่งผลให้ความต้องการที่พักสำหรับการพำนักระยะยาวมีโอกาสขยายตัวสูง และอาจต้องเพิ่มการลงทุนด้านที่พัก โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนสูงราว 3.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2020 ปัจจุบันที่พักส่วนใหญ่จะอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวหลักของไทย เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี (พัทยา) และมีเพียง6 แห่งเท่านั้นที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในด้านความพร้อมของห้องพัก ทั้งความปลอดภัยและอุปกรณ์ภายในและการบริการของบุคลากรจากกรมการท่องเที่ยว ดังนั้น ผู้ประกอบการที่ให้บริการด้านที่พักควรเตรียมความพร้อมรองรับผู้สูงอายุต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยพัฒนาการให้บริการรวมถึงการออกแบบก่อสร้างและเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะได้รับอานิสงส์จากผู้สูงอายุต่างชาติ โดยสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ได้เฉพาะคอนโดมิเนียม ซึ่งจำกัดสัดส่วนอยู่ที่ 49% หรือเลือกเป็นการเช่าระยะยาวก็ได้ แม้ว่ากฎหมายการถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาฯในไทยนั้น ยังไม่เปิดกว้างให้ชาวต่างชาติถือครองได้อย่างเสรี แต่ผู้ประกอบการอสังหาฯเองสามารถเลือกปล่อยเช่าให้กับผู้สูงอายุต่างชาติซึ่งมีระยะเวลาเช่าสูงสุด 30 ปี โดยกำหนดเงื่อนไขการโอนคืนสิทธิครอบครองทรัพย์สินภายหลังที่ผู้เช่าได้ถึงแก่กรรมและถือเป็นการสิ้นสุดสัญญาเช่า

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1492057650

วันที่ 13 เม.ย. 60