-
กลับไปหน้าแรกข่าว  ‘แจ็ค หม่า’ไม่รักเมืองไทย? / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
30 มี.ค. 2017

‘แจ็ค หม่า’ไม่รักเมืองไทย? / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย และแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอาลีบาบากรุ๊ป ซึ่งเป็นอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของโลก ร่วมกันประกาศเปิดเขตการค้าเสรีดิจิตอลหรือ DFTZ ในงานเสวนาโกลบอล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตามข้อตกลง DFTZ ที่เป็นความคิดริเริ่มและการร่วมมือกันระหว่างนาจิบและหม่าจะยกเลิกภาษีนำ เข้าสำหรับสินค้าที่มีราคาสูงเกินกว่า 500 ริงกิต หรือ 3,850 บาท คาดว่าตลาดนี้จะซื้อขายสินค้ารวมมูลค่า 65,000 ล้านดอลลาร์ และสร้างงานได้ 60,000 ตำแหน่งภายในปี 2025 (2568) ทำให้เอสเอ็มอีก้าวข้ามอุปสรรคเรื่องข้อบังคับ กระบวนการ และกำแพงการค้าที่ซับซ้อน ส่งเสริมให้ธุรกิจต่างๆสามารถเชื่อมโยงกันในการค้าข้ามพรมแดน ซึ่งมาเลเซียจะเป็นศูนย์กลางให้บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่งและศูนย์กลาง สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีในภูมิภาค จริงๆแล้วไทยได้รับความสนใจก่อนมาเลเซียด้วยซ้ำไป โดยวันที่ 6 กันยายน 2559 ข่าวว่า “แจ็ค หม่า พบประยุทธ์ พร้อมช่วยหนุนระบบขนส่งสินค้า SMEs” โดยการพบกันในครั้งนั้นจัดขึ้นระหว่างนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมผู้นำ กลุ่ม 20 (G20) ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน และวันที่ 11 ตุลาคม 2559 นายหม่ายังได้มาพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลและกล่าว (เท็จ?) ว่า “นโยบายไทยแลนด์ 4.0 เป็นสิ่งที่ดีและเดินมาถูกทาง โดยในส่วนของความร่วมมือกับรัฐบาลไทย บริษัทอาลีบาบาจะเปิดโอกาสให้เข้าร่วมฝึกอบรมให้กับผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี นักศึกษาไทยไปฝึกงานที่ประเทศจีน การที่นายหม่าไม่มาตั้งฐานที่ประเทศไทยทำให้เราเสียหายหลายอย่าง อาทิ 1.เสียรู้มาเลเซีย 2.เสียหน้าที่เขาไม่เลือกเรา 3.เสียโอกาสการลงทุนและการจ้างงานมหาศาล 4.เสียภาพพจน์ประเทศไทย 5.เสียหายถึงความมั่นคงของรัฐบาล ยิ่งเจอกรณีเหมืองทองคำพิจิตรที่รัฐบาลให้สัมปทานบริษัทออสเตรเลียถึงปี 2572 แต่กลับใช้มาตรา 44 เลิกสัมปทาน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอาจขาดความแน่นอนด้านนโยบาย ทั้งที่ผ่านมามีข่าวชัดเจนว่าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนเหมืองทองคำ และผลพิสูจน์ชัดว่าประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจากเหมืองทองคำ ไม่เช่นนั้นคนงานเหมืองคงตายไปหลายคนแล้ว แต่ไม่มีคนงานเหมืองตายเพราะเหมืองเลย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกลับเลือกเชื่อเอ็นจีโอแทนที่จะเชื่อประชาชนเจ้าของประเทศ การที่รัฐบาลที่มีอำนาจเต็มไม่ควรใช้อำนาจมากไปนัก ควรเผื่ออำนาจไว้ใช้ในยามจำเป็นบ้าง เพราะยิ่งใช้อาจยิ่งกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ กระทำต่อขีดความเสี่ยงของประเทศที่เพิ่มขึ้น ถ้าวันใดผู้มีอำนาจหมดอำนาจไปก็ยิ่งอยู่ยากกว่า “ทักกี้” ที่ไปได้ทั่วโลกยกเว้นประเทศไทยเสียอีก ผมจึงขอเตือนไว้เพื่อความมั่นคงของผู้มีอำนาจและความมั่นคงของชาติว่า นายหม่าคงรักเมืองไทย อยากมาอยู่เมืองไทยใจจะขาด แต่ติดขัดที่ท่านผู้นำหรือรัฐบาลที่ออกจะไม่ “เวิร์ค” ในสายตาโลก เพราะไม่ได้มาตามแบบปรกติ

ที่มา : http://www.lokwannee.com/web2013/?p=263311

วันที่ 30 มี.ค. 60