-
กลับไปหน้าแรกข่าว  ซูเอี๋ยรีสอร์ตเสม็ด. บีบหน.อุทยานลงนามร่วม ยอมให้เจ้าของรื้อถอนเอง
22 ส.ค. 2013

ซูเอี๋ยรีสอร์ตเสม็ด. บีบหน.อุทยานลงนามร่วม ยอมให้เจ้าของรื้อถอนเอง

ปัญหาการรื้อถอนรีสอร์ตไม่ถูกต้องที่เกาะเสม็ดยังไม่ยุติ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ส่งกำหนดการของนายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.ทรัพยากรฯ ในการเดินทางไปปฏิบัติราชการที่อุทยานฯ เกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า เพื่อติดตามการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ในเวลา 13.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ระบุว่า จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 22 ในเขตอุทยานแห่งชาติเกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า จากนั้นจะมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างหัวหน้าอุทยานฯ เกาะเสม็ดฯ กับผู้ประกอบการรีสอร์ต 3 ราย คือพลอยเสม็ด มุกเสม็ด และอันซีน กำหนดการดังกล่าวสร้างความงุนงงให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของ 2 หน่วยงานว่า ในเมื่อกรมอุทยานฯประกาศจะใช้มาตรา 22 คือต้องรื้อถอนทุบทิ้งรีสอร์ตที่บุกรุกอุทยานเกาะเสม็ดฯทั้ง 3 รายทันทีแล้ว ทำไมต้องไปลงนามความร่วมมือกับผู้ประกอบการทั้ง 3 แห่งที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งที่ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย เคยทำหนังสือถึงกรมอุทยานฯตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย.ปี 2555 แล้วว่า จะรื้อถอนรีสอร์ตทั้ง 3 แห่งเองในวันที่ 30 ก.ย.2555 แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการรื้อถอนและยื้อเวลามานานกว่า 1 ปี เมื่อจะบังคับใช้กฎหมายทำไมไม่รื้อถอนไปเลยต้องมีการลงนามกันทำไม กำหนดการดังกล่าวสร้างความงุนงงให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของ 2 หน่วยงานว่า ในเมื่อกรมอุทยานฯประกาศจะใช้มาตรา 22 คือต้องรื้อถอนทุบทิ้งรีสอร์ตที่บุกรุกอุทยานเกาะเสม็ดฯทั้ง 3 รายทันทีแล้ว ทำไมต้องไปลงนามความร่วมมือกับผู้ประกอบการทั้ง 3 แห่งที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งที่ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย เคยทำหนังสือถึงกรมอุทยานฯตั้งแต่เดือน ส.ค.-ก.ย.ปี 2555 แล้วว่า จะรื้อถอนรีสอร์ตทั้ง 3 แห่งเองในวันที่ 30 ก.ย.2555 แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการรื้อถอนและยื้อเวลามานานกว่า 1 ปี เมื่อจะบังคับใช้กฎหมายทำไมไม่รื้อถอนไปเลยต้องมีการลงนามกันทำไม นายนิพนธ์ โชติบาล รองอธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมีการลงนามระหว่างกรมอุทยานฯกับผู้ประกอบการเพราะต้องการให้เป็นทางการ มีสักขีพยานว่าจะต้องรื้อถอนออกไปแน่ๆ ไม่ใช่มาหลอดกันเล่นเหมือนที่ผ่านมา ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการทั้ง3รายทราบแล้วและให้เก็บของมีค่าออกจากรีสอร์ต เพื่อดำเนินการรื้อถอน โดยกรมอุทยานฯจะไม่รื้อถอนเองแต่ให้ผู้ประกอบการรื้อถอนเองจะได้ไม่เป้นคดีความทางแพ่ง เมื่อถามว่า ถ้าถูกหลอกอีกจะทำอย่างไร ทางกรมก้จะเข้าไปรื้อถอนเองเลย แต่เชื่อว่าไม่น่าจะโดนหลอก เพราะมีการลงนามความตกลงมีสักขีพยานมากมาย