-
กลับไปหน้าแรกข่าว  บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เบอร์ 1 ประเทศไทย
26 ม.ค. 2017

บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เบอร์ 1 ประเทศไทย

                ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เปิดเผยว่าจากผลการสำรวจ โครงการที่เปิดใหม่ในปี 2560 459 โครงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ถึงที่ตั้งในทุกโครงการที่เปิดใหม่ และไปสำรวจการเปลี่ยนแปลงในการขายและการตลาดทุกรอบไตรมาส ซึ่งถือเป็นการสำรวจที่ครอบคลุมกว้างขวางที่สุด พบว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท มีการเปิดตัวโครงการจำนวนมากที่สุด (ไม่รวมในจังหวัดภูมิภาค) สำหรับในรายละเอียดพบว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดโดยเปิดตัวโครงการจำนวนมากที่สุดถึง 42 โครงการ รวม 15,402 หน่วย รวมมูลค่า 37,673 ล้านบาท มีสัดส่วนในตลาด 14.3% ในแง่จำนวนหน่วย และ 8.7% ในแง่มูลค่าการพัฒนา ในแต่ละหน่วยขายของบริษัทนี้ มีราคาเฉลี่ย 2.45 ล้านบาท อาจกล่าวได้ว่าบริษัทนี้สร้างที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนโดยเฉพาะประชาชนใน ระดับที่มีรายได้ปานกลาง และปานกลางค่อนข้างน้อยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสร้างที่อยู่อาศัยราคาสูงอีกด้วย อันดับสองคือ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดขาย 19 โครงการในปี 2559 รวมมูลค่า 25,098 ล้านบาท รวม 6,821 หน่วย มีสัดส่วนในตลาด 6.3% ในแง่จำนวนหน่วย และ 5.8% ในแง่มูลค่าการพัฒนา ส่วน อันดับที่สามก็คือ บมจ.ศุภาลัย โดยเปิดพัฒนาถึง 14 โครงการ รวม 5,514 หน่วย รวมมูลค่า 20,824 ล้านบาท โดยอาจกล่าวได้ว่าบริษัทนี้มีสัดส่วนในตลาด 5.1% ในแง่จำนวนหน่วย และ 4.8% ในแง่ของมูลค่า การที่ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท สามารถเป็นเบอร์ 1 ได้นั้น ส่วนหนึ่งเพราะมีการพัฒนาที่ดินหลายทำเล ทำให้กระจายความเสี่ยง สร้างโอกาสที่จะเข้าถึงลูกค้าได้มากมาย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ ใช้มาก่อนและสามารถนำหน้า บมจ.บางกอกแลนด์ที่เคยเป็นรายใหญ่ที่สุดแต่พัฒนาเป็นเมืองขนาดใหญ่แทนการ กระจายไปทั่ว อย่างไรก็ตาม บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ยังกระจายการพัฒนาไปแทบทุกระดับราคา ต่างจาก บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ที่แต่เดิมเน้นเฉพาะบ้านในราคาระดับค่อนข้างสูง-สูง ทำให้มีฐานที่กว้างขวางกว่า และกลายมาเป็นอันดับหนึ่งในที่สุด อาจกล่าวได้ว่าบริษัทมหาชนในตลาดหลัก ทรัพย์จำนวนกว่า 50 แห่ง ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 2/3 ของทั้งตลาดที่เหลืออีก 500 บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดเพียง 1/3 เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่มีบริษัทใดที่จะสามารถเป็นผู้ชี้นำตลาดที่ครองส่วนแบ่ง ตลาดเกินครึ่งหนึ่งได้โดยตรง เพราะสัดส่วนทางการตลาดยังไม่สูงมากนัก การแข่งขันยังมีอยู่มาก อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ควรส่งเสริมธุรกิจ SMEs ในวงการพัฒนาที่ดิน เพื่อให้รายย่อยมีโอกาสพัฒนาที่ดินได้มากขึ้นเช่นกัน

ที่มา : http://www.consmag.com/index.php?mo=14&newsid=424268

วันที่ 26 ม.ค. 60