-
กลับไปหน้าแรกข่าว  กระเช้าภูกระดึง 500 บาท ค่าแบกเที่ยวละ 4,000 บาท
20 ม.ค. 2017

กระเช้าภูกระดึง 500 บาท ค่าแบกเที่ยวละ 4,000 บาท

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส  มุ่งหวังที่จะช่วยประชาชนส่วนใหญ่ในภูกระดึงให้สร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง เสียที ดร.โสภณ เคยสำรวจไว้พบว่า 97% ของประชาชนชาวภูกระดึงต้องการให้สร้างกระเช้าไฟฟ้า งบประมาณค่าก่อสร้างเช้าก็เป็นเงินเพียง 633 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หากให้ประชาชนร่วมลงขันเป็นวิสาหกิจชุมชน ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ เพราะประชาชนจะได้ร่วมกันดูแล และเมื่อเทียบกับในปัจจุบัน ยิ่งคุ้มค่าเพราะหากจ้างลูกหาบแบกขึ้นเที่ยวเดียวจะเสียค่าบริการประมาณ 4,000 บาท ซึ่งสูงมากหากเทียบกับค่ากระเช้าที่ราว 500 บาท ค่ารถทัวร์ กทม.-ภูกระดึง 500 บาท หรือค่าเครื่องบิน กรุงเทพมหานคร-เลย 800 บาท แต่บางคนบอกว่าอยากให้มีคนแบกเพราะจะได้มีงานทำ จากการศึกษาข้างต้นพบว่า ลูกหาบ ซึ่งมีเพียง 330 คน และส่วนมากก็มีวัยวุฒิแล้ว บางคนยังเสียชีวิตจากการประกอบอาชีพลูกหาบ นักท่องเที่ยวก็เสียชีวิตจากการขึ้นเขา (มีเป็นข่าวบ่อยๆ) ในอนาคตคงไม่มีลูกหาบเหลือเพราะลูกหลานต่างมีการศึกษาสูงขึ้น นี่เป็นเพียงอาชีพเสริม ทำงานเดือนละไม่กี่วัน มีเพียงปีละ 2 เดือนที่มีนักท่องเที่ยวมาก ในเดือนอื่นๆ ก็มีนักท่องเที่ยวไม่กี่สิบคนต่อวัน น้อยกว่าจำนวนลูกหาบ ในแต่ละปีภูกระดึงยังปิด 4 เดือน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาหากเลิกอาชีพลูกหาบ แต่บางคนที่ยังอยากจะเดินขึ้นและใช้บริการลูกหาบก็ยังสามารถทำได้  แล้วลูกหาบที่เหลือจะตกงานหรืออย่างไร ข้อนี้ไม่ต้องห่วงเพราะหากมีกระเช้าจะทำให้นักท่องเที่ยวที่ไปมาแบบครึ่งวัน หรือหนึ่งวันโดยไม่ต้องนอนค้าง เพิ่มจำนวนมหาศาล เมื่อนักท่องเที่ยวมามากขึ้นเศรษฐกิจชุมชนก็จะดีขึ้น (อดีต) ลูกหาบก็มีงานอื่นทำที่สบายกว่า รายได้ดีกว่า ต่อเนื่องกว่านั่นเอง ข้างต้นนี้แสดงชัดว่า การมีกระเช้าดีกว่ามาก บางคนก็ยังห่วงว่า ถ้ามีกระเช้า มีนักท่องเที่ยวมาก จะทำให้เกิดขยะมากตามไปอีก แต่ในความเป็นจริง ขยะ-น้ำเสียจะไม่เพิ่มขึ้น ในปัจจุบันค่าจ้างหาบของขึ้นภูกระดึงเป็นเงินกิโลกรัมละ 30 บาท โอกาสที่ขยะตกค้างเพราะต้นทุนการขนลงมาสูงมาก หากมีกระเช้าย่อมสามารถขนถ่ายขยะได้ง่ายขึ้น ไม่ตกค้างตามรายทางเช่นเดิม และยังมีงบประมาณเพียงพอที่จะจัดจ้างเจ้าหน้าที่ในการวางแผน ดูแลขยะ-น้ำเสียและสิ่งแวดล้อมอื่นให้ดีขึ้นกว่าในปัจจุบันได้อีกด้วย การมีกระเช้าก็ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเลย โครงการก่อสร้างกระเช้าที่เป็นเพียงเสาห่างๆ และสถานีไม่เป็นปัญหาต่อการทำลายป่า ส่วนการมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวไม่ต้องเดินลงไปทำร้ายธรรมชาติเสียอีก หากมีรายได้จากกระเช้า ย่อมมีงบประมาณในการจัดจ้างเจ้าหน้าที่ดูแลป่าไม้ได้เพียงพอ และมีเงินพัฒนาป่าไม้ได้อีกด้วย การท่องเที่ยวด้วยกระเช้านี้จึงถือเป็นการท่องเที่ยวที่แทบไม่ก่อให้เกิด ปัญหาสภาพแวดล้อม

ที่มา : http://www.ladybkk.com/s/147595

วันที่ 20 ม.ค. 60