-
กลับไปหน้าแรกข่าว  “วรภัค” จี้ถอดสลักตั๋วบีอี หวั่นวิกฤติบานปลายกระทบสภาพคล่อง
19 ม.ค. 2017

“วรภัค” จี้ถอดสลักตั๋วบีอี หวั่นวิกฤติบานปลายกระทบสภาพคล่อง

                นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั๋วแลกเงิน หรือ B/E อยู่คู่กับวงการการเงินเมืองไทยมานานมากตั้งแต่สมัยเริ่มทำงาน ใหม่ๆเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ส่วนตัวแล้วเป็นตราสารทางเลือกให้กับทั้งนักลงทุนและผู้กู้ รวมถึงธนาคารและสถาบันการเงิน ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทใหญ่ๆในประเทศไทยหลายกลุ่มก็ใช้ตั๋วบีอีเป็นช่องทางหนึ่งในการ ระดมเงินมาขยายกิจการ อย่างเช่นกลุ่มซีพี ในอดีตเคยเป็นผู้ออกตั๋วบีอีรายใหญ่ที่สุด และก็ไม่เคยมีปัญหากับนักลงทุน แต่ก็มีผู้ออกตัวบีอี บางกลุ่มในอดีตคือกลุ่มปิคนิค เคยมีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ตามตั๋วบีอีที่ออกได้ นำมาซึ่งความเสียหายกับนักลงทุน และสถาบันการเงินหลายแห่งในยุคนั้น ขณะที่บรรดาเศรษฐีมีเงินในยุคนั้นก็จะนิยมลงทุน เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากรวมทั้งประหยัดเรื่องภาษี จากกระแสข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ในช่วงนี้ก็อดเป็นห่วงอนาคตของตั๋วบีอีไม่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของสถาบันการเงิน ที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้กู้และนักลงทุน ที่ควรจะทำหน้าที่หลักๆ 2 อย่างให้ชัดเจนคือ 1.การเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องความเสี่ยงแก่นักลงทุน ถึงแม้ตั๋วบีอีจะไม่ต้องมีเรตติ้ง 2.ก็คือนโยบายความเหมาะสมในการนำเสนอตราสารหนี้ให้กับนักลงทุน เพื่อจะกลั่นกรองว่าตราสารนี้มีความเสี่ยงและกลุ่มนักลงทุนที่ธนาคารจะไปเสนอขายมีความรู้ความเข้าใจในความเสี่ยงของตราสารหนี้อย่างถ่องแท้ สำหรับการแก้ไขปัญหา ทางออกง่ายที่สุดก็คือ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ควรจะบังคับให้ตั๋วบีอีระยะสั้นทุกชนิดต้องมีการเปิดเผยข้อมูลให้กับนักลงทุนรายย่อย ในฟอร์มแบบสั้นๆ หรือ 1 ถึง 2 หน้ากระดาษ แต่มีความชัดเจนให้นักลงทุน

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/839088

วันที่ 19 ม.ค. 60