-
กลับไปหน้าแรกข่าว  นครดานังในวันนี้
9 ธ.ค. 2016

นครดานังในวันนี้

                ดร.โสภณ พรโชคชัย ได้มาประเมินค่าทรัพย์สินที่นครดานัง ประเทศเวียดนาม โดยได้รับการว่าจ้างจากนักลงทุนชาวมาเลเซีย และในวันที่บทความนี้ตีพิมพ์คือวันที่ 9 ธันวาคมดร.โสภณ ก็กำลังสำรวจอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่นครสะหวันนะเขตประเทศลาว ที่ดร.โสภณ มุ่งเขียนถึงนครดานังนั้น ไม่ใช่เฉพาะว่ามาอยู่ที่นครแห่งนี้ แต่เนื่องจากนครแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนก็ว่าได้ ตามระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตกก็คือการเชื่อมนครดานังในประเทศเวียดนาม ทางทางภาคตะวันออก ผ่านลาวเข้าสู่ประเทศไทยทางมุกดาหาร พิษณุโลก ตาก และไปจนถึงพม่าทางทิศตะวันตก ถ้าระเบียงเศรษฐกิจนี้แล้วเสร็จเชื่อมสี่ประเทศดานังจะยิ่งเพิ่มความสำคัญ ยิ่งขึ้นในภูมิภาคนี้ สำหรับในประเทศเวียดนามเอง รัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับนครดานังเป็นอย่างยิ่ง ผู้หลักผู้ใหญ่ผู้บริหารบ้านเมืองของเวียดนาม ก็มีความผูกพันกับนครแห่งนี้ และพื้นที่โดยรอบจึงมุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ทางภาคกลางของประเทศ ยิ่งมีการพัฒนาทางหลวงใหม่จากกรุงฮานอยสู่นครโฮจิมินห์ซิตี้ ผ่านนครดานังก็ยิ่งทำให้นครแห่งนี้ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นตามลำดับเรียกได้ว่า นครแห่งนี้จะเป็นดั่งพยัคฆ์ติดปีกในอนาคต สำหรับการพัฒนาภายในนครดานังเองก็กำลังจะมีท่าเรือแห่งใหม่ที่มี ศักยภาพใหญ่กว่าท่าเรือเดิมซึ่งเป็นท่าเรืออันดับสามของประเทศ พร้อมทั้งมีการพัฒนาทางหลวงและสาขาอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงอีกมากทีเดียว เชื่อว่าในอนาคตจะมีโครงการสำคัญๆ มากกว่านี้ หลายท่านอาจไม่ทราบ ว่าค่าครองชีพค่าจ้างและค่าใช้จ่ายในการริเริ่มธุรกิจในนครดานังถูกกว่ากรุง ฮานอยและนครโฮจิมินห์ซิตี้นับเท่าตัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีนักลงทุน มาลงทุนที่นครแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุผลเหล่านี้นี่เอง จึงทำให้ดร.โสภณ มาที่นครดานังหลายครั้งแล้ว เพื่อมาประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ ที่สำคัญไม่ได้ทำให้นักลงทุนไทยแต่ทำให้นักลงทุนมาเลเซียหรือชาติอื่น ที่ตั้งใจจะมาลงทุนกันจริงจัง ดร.โสภณ สังเกตดูว่านักลงทุนไทยของเราส่วนมากจะได้แต่จดๆ จ้องๆ ไม่ได้คิดจะลงทุนจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นที่ กัมพูชา เมียนมา ลาว เวียดนาม หรืออินโดนีเซีย การจดๆ จ้องๆ อยู่แบบนี้ทำให้เพื่อนบ้านเราชักไม่ค่อยแน่ใจนักลงทุนไทย การนี้ทำให้ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านถูกสิงคโปร์ เกาหลี หรือมาเลเซียแซงตัดหน้าไปเกาหลีหรือมาเลเซียแซงตัดหน้า ดร.โสภณ ขอย้ำว่าไทยเราควรไปลงทุนประเทศเพื่อนบ้านให้มากไว้เพราะ หนึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยง สองเป็นการขยาย/แสวงหาโอกาส และสามเป็นการสร้างแบรนด์ การลงทุนข้ามชาตินั้นอาจจะเป็นวิสาหกิจขนาดกลางก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นราย ใหญ่เสมอไป รายใหญ่ๆ ของไทยอาจเชี่ยวชาญการลงทุนในประเทศด้วยเส้นสายแต่พอไปต่างประเทศ อาจไปไม่เป็น วิสาหกิจ SMEs นี่แหละที่จะเป็นตัวชูโรงกู้หน้าประเทศไทยในอนาคต

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/639662

วันที่ 9 ธ.ค.59