-
กลับไปหน้าแรกข่าว  สมานฉันท์กับอสังหาริมทรัพย์
8 ก.ค. 2016

สมานฉันท์กับอสังหาริมทรัพย์

                ใกล้บ้านเราอย่างกัมพูชา ในยุคเขมรแดง อสังหาริมทรัพย์แทบจะไร้ค่า เพราะประชาชนถูกกวาดต้อนออกไปทำนารวมนอกกรุงพนมเปญ จนเมื่อเขมรแดงหมดอำนาจ ชาวเขมรจึงอพยพย้ายกลับเข้ามาอยู่ในกรุงพนมเปญ เมื่อย้ายเข้าเมืองใหม่ๆ ราคาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงพนมเปญแทบไม่มีค่า ประชาชนต่างมาจับจองอาคารตึกแถวที่ทิ้งร้างไว้ในใจกลางเมือง ครอบครัวที่กลับมาก่อน จะอาศัยอยู่ชั้นบนสุดของตึกแถวเพราะปลอดภัยกว่า อสังหาริมทรัพย์ก็คือสมบัติที่สามารถ “ผลัดกันชม” ได้ เจ้าของอาคารในทำเลทอง ก่อนกรุงพนมเปญแตก กับเจ้าของปัจจุบัน เป็นคนละคนแล้ว คนเก่าอาจตายไปแล้ว หรือยากจนลงแล้ว ส่วนคนใหม่กลับมารวยขึ้น แต่ทรัพย์สินอาคารในทำเลทอง ก็ยังมีค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ และนับวันจะสูงกว่าช่วงก่อนสงครามอย่างเทียบกับไม่ได้ แต่ภายหลังเมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ บัดนี้สวรรค์ “เล่นตลก” อีกรอบ เพราะผู้ที่มาทีหลังที่อาศัยอยู่ชั้นล่างสุดกลับ “ถูกหวย” ได้ครอบครองพื้นที่ที่มีมูลค่าสูงสุดไปเอง ส่วนในฟิลิปปินส์ เมียนมาและอินโดนีเซียก็มีปัญหาความปรองดองสมานฉันท์ในอีกรูปแบบหนึ่ง คือมีการปกครองในระบอบเผด็จการ แต่หลังจากขับไล่เผด็จการออกไปแล้ว ประเทศก็รุ่งเรืองยิ่งขึ้น จากที่เคยล้าหลังไทยเรา ก็ค่อยๆ ดีขึ้น ดังนั้นความเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ จึงเป็นประเด็นที่พึงพิจารณา หลายคนมองว่าสิงคโปร์ก็เป็นประเทศเผด็จการแต่ทำไมจึงเจริญ ในความเป็นจริงแล้ว สิงคโปร์มีความเป็นประชาธิปไตยสูงเพราะมีการเลือกตั้งอย่างเสรีมาตลอด โดยไม่มีการซื้อเสียงหรือบังคับลงคะแนนแต่อย่างใด ถ้าลีกวนยิวทำรัฐประหาร คนสิงคโปร์คงไม่ยอมเป็นแน่ อย่างไรก็ตามบ้างก็อาจมองว่าเสรีภาพของสื่อในสิงคโปร์ถูกจำกัด แต่ในความเป็นจริง เขาไม่ให้สื่อมีอภิสิทธิ์ละเมิดคนอื่นต่างหาก สื่อไม่อาจลงข่าวยั่วยุสร้างความแตกแยกเช่นสื่อหลายสำนักในไทย
ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/638245