-
กลับไปหน้าแรกข่าว  ตั้งรับสัมปทานปิโตรเลียมหมดอายุ
26 มิ.ย. 2016

ตั้งรับสัมปทานปิโตรเลียมหมดอายุ

สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจได้จัดสัมมนาเรื่อง "ผลกระทบและทางออกสัมปทานปิโตรเลียมหมดอายุ" โดย ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของแหล่งเอราวัณกับแหล่งบงกช ที่กำลังหมดอายุในปี 2565-2566 ว่า ก๊าซธรรมชาติถูกใช้เป็นวัตถุดิบและเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าและโรงงานปิโตรเคมี ปริมาณรวม 2 แหล่งอยู่ที่ 2,200 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน คิดเป็นร้อยละ 60 ของการผลิตก๊าซทั้งอ่าวไทย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องต่ออายุสัมปทานเพื่อคงระดับการผลิต ถ้ารัฐบาลดำเนินการต่ออายุสัมปทานล่าช้าก็จะทำให้กำลังผลิตก๊าซหายไป 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ส่งผลให้ต้องมีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มากขึ้น และเกินกว่าที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานจะรองรับได้ ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปตท.ได้ "ประมาณการ" กรณีที่ไม่สามารถต่ออายุสัมปทานและโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และเทพา จ.สงขลา ไม่สามารถก่อสร้างได้ว่าจะมีความต้องการ "ส่วนเกิน" ของก๊าซ LNG เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2561-2565 โดยในปี 2564 จะมีปริมาณส่วนเกินถึง 9 ล้านตัน แม้ว่า ปตท.จะนำเข้าก๊าซ LNG เพิ่มได้ แต่อาจมีปัญหาว่าโครงสร้างท่าเรือและคลังไม่สามารถรองรับได้ 

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1466872205

วันที่ 26 มิ.ย. 59