-
กลับไปหน้าแรกข่าว  ข้อคิดขึ้นภูกระดึงในวัย 63
12 ม.ค. 2021

ข้อคิดขึ้นภูกระดึงในวัย 63

ภูกระดึงถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ชิ้นหนึ่งที่สร้างรายได้ได้มหาศาล ยิ่งถ้ามีการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงก็คงยิ่งทำให้มีรายได้มาพัฒนาท้องถิ่น มาพัฒนาป่าไม้บนภู จะได้ไม่เกิดไฟไหม้ป่าบนอุทยานแห่งชาติที่ไม่น่าจะเกิดไฟไหม้ได้เลย ทั้งนี้ คงเป็นเพราะเรายังขาดงบประมาณในการดูแลเท่าที่ควรปัญหาต่างๆจึงเกิดขึ้น กระทั่งบนแหล่งท่องเที่ยวที่ควรควบคุมได้ครบวงจรเยี่ยงภูกระดึงยังถูกไฟไหม้เสียหายหนักมาแล้ว ในปี 2564 นี้ ดร.โสภณ จึงตกลงกับศรีภริยาว่าจะไปขึ้นภูกระดึงสักครั้งหนึ่ง ซึ่งเธอก็ยินดีที่จะไปกับดร.โสภณ ด้วย ครั้งแรกเราซื้อตั๋วรถทัวร์ไว้ หมดเงินไป 2,400 บาท ดร.โสภณ ขึ้นภูกระดึงในเวลา 9 โมงเช้า แวะถ่ายรูปและพักไปเรื่อย จนถึงยอดภูเวลาบ่าย 3 โมง รวมเวลาปีนขึ้นเขาถึง 6 ชั่วโมง และเดินอีก 3 กิโลเมตร ราว 1 ชั่วโมงไปที่ศูนย์นักท่องเที่ยว ดร.โสภณ ไม่ได้ใช้ไม้เท้าค้ำยันเลย ขากลับในเช้าวันที่ 4 มกราคม พวกเราเอากระเป๋ากะไปให้ลูกหาบ แต่ยังไม่มีลูกหาบเลย จึงตัดสินใจแบกของลงมาเอง บางคนบอกว่าขาลงเขาเร็วกว่าขาขึ้นเพราะแรงโน้มถ่วง เรื่องนี้ไม่จริงเลยสำหรับดร.โสภณ เพราะขาลงมองเห็นความสูงชัน ต้องระวังมาก โชคดีที่ช่วงที่ดร.โสภณ ไปไม่ใช่หน้าฝน แต่ก็ลื่นมากเพราะฝุ่นและใบไม้แห้ง จึงต้องระวังมาก ออกจากฐานเวลา 7 โมงเช้า ถึงข้างล่างตอนเกือบบ่ายสอง ถ้ามีกระเช้าขึ้นภูกระดึงสำหรับผู้สูงวัย หญิงมีครรภ์ คนพิการ ให้ได้มีโอกาสไปชื่นชมธรรมชาติข้างบนบ้างก็คงจะดีเป็นอย่างมาก ทำกระเช้าไปให้ทั่วทุกบริเวณจุดท่องเที่ยวของภูกระดึงไปเลย ไม่ต้องห่วงลูกหาบ เขาจะมีงานอื่นทำอีกมาก แม้แต่ขยะก็สามารถเก็บได้ง่ายด้วยกระเช้า มีใครป่วยไข้ก็ใช้กระเช้าลำเลียงได้ทันท่วงที แถมยังมีเงินช่วยพัฒนาป่าและชุมชนได้อีก ท่านทราบไหมว่าประชาชนชาวภูกระดึงต้องการให้มีกระเช้าถึง 97% ส่วนใครยังอยากปีนก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ยังสามารถทำได้เช่นกัน
ที่มา : www.lokwannee.com/web2013/?p=412106