หวยบนดินแบบประยุทธ์ต่างกับแบบทักษิณตรงไหน

การมี "หวยบนดิน" มีข้อดีคือ "ในช่วงปี 2547-2550 ยังมีรายได้จากการขายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือ “หวยบนดิน” มาเสริม ทำให้ยอดขายสลากทั้งหมดเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว สำนักงานสลากฯ เริ่มออกรางวัลสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ครั้งแรกในงวดวันที่ 1 สิงหาคม 2546 ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก ในปีงบประมาณ 2546 สำนักงานสลากฯ มีรายได้รวม 36,692 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2547 มีรายได้รวม 76,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อน 108% ปี 2548 รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 82,718 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2549 มีรายได้รวม 92,764 ล้านบาท อาจกล่าวได้ว่า “หวยบนดินเป็นนโยบายที่โดนใจชาวบ้าน เพราะพวกเขารู้สึกว่า เป็นธรรม ไม่เอาเปรียบ ซึ่งเป็นพื้นฐานความคิดของคนจน หวยบนดินไม่เหมือนกับสลากกินแบ่งรัฐบาลที่คนขายเอาเปรียบจากการขายสลากเกินราคา” ที่ว่าหวยบนดินทำให้เสพติดการพนันมากขึ้น คงไม่เป็นความจริง ผลการศึกษา “พฤติกรรมการบริโภคหวยใต้ดิน – หวยบนดินของไทย” พบว่า “หวยบนดินสามารถทดแทนหวยใต้ดินได้โดยในช่วงที่มีการขายหวยบนดินนั้นประชาชนมีการซื้อหวยใต้ดินลดลง” ไม่ได้แสดงว่ามีการเสพติดการพนันมากขึ้นตลอด 13 ปีที่ไม่หวยบนดิน (หลัง คมช.ทำรัฐประหารในปี 2549) ทำให้เจ้ามือหวยใต้ดินได้ประโยชน์มหาศาล เพราะทุกอย่างถูกกวาดเก็บให้อยู่ใต้โต๊ะ ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส เกิดการโกงกินมากขึ้น ล็อตเตอรี่ก็ขายเกินราคาไปมากมาย ประชาชนสูญเสียงานทำถึง 4 แสนคน รัฐสูญเสียรายได้ที่จะนำไปพัฒนาประเทศ อิทธิพลมืดยิ่งเบ่งบาน การมีหวยบนดินก็ไม่ได้มีการทุจริต ไม่ใช่การมอมเมาประชาชนเช่นที่ถูกกล่าวหา
ที่มา : prachatai.com/journal/2019/06/83155