-
กลับไปหน้าแรกข่าว  “ตาสว่าง” ธนาคารไทย: ปลิงดูดเลือด
2 พ.ย. 2018

“ตาสว่าง” ธนาคารไทย: ปลิงดูดเลือด

ในระหว่างวันที่ 22-26 ต.ค. 2561 ดร.โสภณ เดินทางไปนครบังกะลอร์ อินเดีย เพื่อประชุมและบรรยายในงานประชุมสมาคม NAR India นายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศอินเดีย ซึ่งนับเป็นงานใหญ่มาก มีนายหน้ามาร่วมงานนับพันคน ที่อินเดีย นักพัฒนาที่ดินมักไม่ขายบ้านเอง แต่ใช้ระบบนายหน้าแทน จึงทำให้นายหน้าอินเดียเป็นวิชาชีพที่เฟื่องฟูมาก สมาคมนี้มีนายหน้าในสังกัดถึงประมาณ 40,000 คน หลังจากที่ ดร.โสภณ บรรยายเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอาเซียนเทียบกับอินเดีย ดร.โสภณ ได้มีโอกาสคุยกับผู้รู้ที่เป็นทั้งนักพัฒนาที่ดิน นายหน้าและนายธนาคารจากประเทศต่างๆ จึงได้รู้ว่าประเทศไทยของเรามีช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากที่ถ่างห่างกันมากจริงๆ นี่คือสิ่งที่ควรแก้ไข อันที่จริง “บิ๊กตู่” และ ดร.สมคิด ที่หวังพัฒนาเศรษฐกิจชาติน่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องดอกเบี้ยเป็นอย่างยิ่ง ในประเทศเนปาล ก็มีช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากที่ 5% เช่นกัน แต่ดอกเบี้ยเงินกู้ของเขาคือ 14% ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากคือ 9% แสดงว่าดอกเบี้ยเงินกู้มีส่วนล้ำกว่าดอกเบี้ยเงินฝากราว 56% ในขณะที่ไทยอยู่ที่ 333% ปกติธนาคารต่างๆ ก็มีรายได้จากค่าธรรมเนียมและอื่นๆ มหาศาลอยู่แล้ว การให้ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงลิ่วเช่นนี้ ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่ ขาดจรรยาบรรณหรือไม่ ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) หรือไม่ หรือไม่พึงกล่าวถึง เพราะธนาคารทั้งหลายก็ล้วนแต่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของดร.โสภณ ทั้งนั้น ประเทศที่มีช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากค่อนข้างสูงอีก 2 ประเทศก็คือ โปแลนด์ 3.1% และไอร์แลนด์ 2.5% แต่ก็ปรากฏว่าความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากก็ต่างกันเพียง 1 เท่าตัวเศษๆ (124% และ 125%) เท่านั้น ที่น่าสนใจมากก็คือ ประเทศที่พัฒนามากแล้ว เช่น สหรัฐ สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมทั้งอินเดียที่แม้จะเจริญช้ากว่าไทย แต่ความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ต่างกันเพียง 1.25% ในกรณีมาเลเซีย 1.4% ในกรณีอินเดีย และราว 1.5% ในกรณีสิงคโปร์และสหรัฐ นี่แสดงว่าอันที่จริงช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากไม่น่าจะเกินกว่า 2% เท่านั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้ธนาคารสามารถให้บริการสังคมอย่างเป็นธรรมได้แล้ว
ที่มา : www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645867