-
กลับไปหน้าแรกข่าว  GDP ขึ้น แต่ทำไมคนไทยจนลง
28 พ.ค. 2018

GDP ขึ้น แต่ทำไมคนไทยจนลง

แปลกไหม ในขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยเจริญเติบโตขึ้นชัดเจน แต่ทำไมคนไทยไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น และแท้ที่จริงแล้ว คนไทยกำลังจนลงทุกขณะ สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะไทยเรายังใช้ทรัพยากรธรรมชาติไม่เป็น ไม่รู้จักทำร้ายทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน! ทั้งที่ธนาคารโลกปรับตัวเลข GDP เป็น 4.1% นั้นเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะมาจากการลงทุนของรัฐ ด้านสาธารณูปโภคเป็นหลัก ถ้ารัฐหยุด ทุกอย่างก็แทบนิ่ง และเพียงพึ่งการส่งออก อีกด้านหนึ่งที่ไม่ได้พูดก็คือ GDP ไทยต่ำที่สุดในอาเซียน (ดีกว่าเฉพาะสิงคโปร์และบรูไนที่เป็นประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวรวยกว่าไทยถึง 5-7 เท่า) มาเลเซียที่เจริญกว่าไทย หรือฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่ใกล้เคียงไทย ล้วนเติบโตไปไกแล้ว ตัวเลขขนั้น “จิ๊บจ๊อย” เมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่ GDP เติบโตจาก 0.8% ในปี 2554 เป็น 7.2% ในปีถัดมา การบริหารแบบข้าราชการ แบบกฎุมพีย่อมไม่อำนวยประโยชน์ต่อประชาชน ยึดแต่หลักกฎหมาย (โดยเฉพาะกฎหมายที่ตนร่างขึ้นเอง) อย่างเช่นกรณี “หมู่บ้านป่าแหว่ง” หรือโรงแรมอนันตรา สิเกา ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งราชการคิดเป็นอย่างเดียวก็คือรื้อตามคำสั่งศาล เรื่องนี้หลายคนมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่แนวทางสำคัญในการคิดก็คือ การยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เราต่างเห็นร่วมกันว่าควรลดจำนวนข้าราชการลงได้แล้ว จะได้ไม่ต้องสร้างอะไรแพงๆ แบบนี้ (ยังไม่รวมค่าดูแลอีกตราบนานเท่านาน) และเราก็เห็นด้วยกันว่าการบุกรุกป่าไม่ถูกต้อง แต่เราจะทำอะไรก็ควรคำนึงถึงประชาชน เราควรเอามาใช้ประโยชน์ อย่าง “หมู่บ้านป่าแหว่ง” หรือโรงแรมดังกล่าว ถ้านำมาให้เอกชนเช่า ก็จะได้เงินที่ละนับร้อยล้าน เอาไปพัฒนาป่าไม้ ปลูกป่า ป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่า หรือแบ่งให้ท้องถิ่นโดยเฉพาะประชาชนคนเล็กคนน้อยได้ประโยชน์ มาดูประสบการณ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนป่าเขาในต่างประเทศกัน เราต้องรู้จักบุกรุกทำลายป่าอย่างยั่งยืน นี่คือสิ่งที่ท้าทายให้เรารู้จักคิดในมุมมองใหม่ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน บานาฮิลล์ ที่นครดานังตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง 40 กิโลเมตร ที่นี่มีโรงแรมที่พัก สวนสนุก ศาลเจ้า สวนไม้ดอกนานาพันธุ์ ฯลฯ กระเช้าขึ้นบานาฮิลล์เป็นกระเช้าที่ยาวและสูงที่สุดโดยยาวถึง 5 กิโลเมตร ผ่านเขากว่า 20 ลูก Mulu Marriott Resort & Spa เป็นรีสอร์ตในนาม Marriott ที่สร้างอยู่ในป่าดิบ บนเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย AVANI Sepang Goldcoast Resort มี 315 ห้องพัก สร้างยื่นลงไปในทะเลในรูปแบบต้นปาล์ม ที่สำคัญอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ถึง 5 กิโลเมตร และไม่มีใครร้องเรียนเรื่องมลภาวะ การรู้จักเอาธรรมชาติมารับใช้ประชาชนเป็นประเด็นสำคัญ ป่าที่ตีนดอยสุเทพ ก็แทบไม่เหลือสภาพอะไรเลย ที่ดินใจกลางกรุงเทพมหานครที่ทิ้งไว้ 20 ปี ยังอุดมสมบูรณ์มีสภาพเป็น “ป่าสมบูรณ์” กว่าด้วยซ้ำ ยิ่งบริเวณที่ตั้งโรงแรมอันตรา สิเกา ก็แทบไม่มีสภาพเป็นป่า มีแปลงปลูกต้นไม้บ้าง ที่โล่งบ้าง อันที่จริงโรงแรมนี้สงวนรักษาธรรมชาติให้ดูดีกว่าด้วยซ้ำไป ถ้าประเทศไทยรู้จักเอายอดเขาสวยๆ มาทำรีสอร์ตแบบเวียดนาม มาเลเซียและอื่นๆ 1. ประเทศไทยก็จะมีรายได้มหาศาล 2. ประชาชนก็จะไม่ต้องยากจน มีรายได้จากการท่องเที่ยวในท้องถิ่น และ3. ป่าไม้โดยรอบก็จะยังอยู่รวมทั้งสัตว์ป่าเพื่อสงวนให้นักท่องเที่ยวมาดู สร้างรายได้ให้ชุมชนมากกว่าการไปแอบตัดไม้ทำลายป่า แอบล่าสัตว์เสียอีก
ที่มา : www.bangkokbiznews.com/blog/detail/644725