-
กลับไปหน้าแรกข่าว  บมจ.อสังหาฯ ในฝัน
30 มี.ค. 2018

บมจ.อสังหาฯ ในฝัน

บริษัทพัฒนาที่ดิน ไม่ว่าจะอยู่ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหลักสี่ ไม่ว่าเป็นบริษัทมหาชนหรือมหานาค ต่างมีความเปราะบางไม่แพ้กัน เพราะไม่มีรายได้ประจำ เป็นแบบ “หมาล่าเนื้อ” คือ ซื้อที่มา-สร้าง-ขายไป ไม่มีรายได้ประจำ บริษัทพัฒนาที่ดินมหาชนที่แท้ที่ควรมีในความใฝ่ฝัน ควรเป็นแบบไหน มาดูประสบการณ์เมืองนอกกัน เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.โสภณ ได้ไปสัมมนากับสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์มาเลเซีย มีบริษัทพัฒนาที่ดินมหาชนรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง มานำเสนอเกี่ยวกับบริษัทของเขา ดูแล้วน่าสนใจมาก แถมได้เจอะเจอผู้รู้อื่นๆ ในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นับว่าน่าสนใจไม่น้อย สำหรับการเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินมหาชนแห่งอนาคต ว่าควรดำเนินการอย่างไรจึงจะยั่งยืน ไม่ใช่แบบแค่ซื้อ (ที่) มาขาย (บ้าน) ไป ที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาที่ดินใหญ่น้อยนั้น 1.แทบไม่มีสำนักงานเป็นของตนเอง หรือมีก็ขนาดเล็กๆ ไม่มีสมบัติอื่นใดให้เช่า คือ รายได้ประจำในแต่ละเดือนแทบไม่มีเลย มีแต่รายได้จากการขายสินค้าคือที่อยู่อาศัยที่เกิดจากการซื้อที่ดินแล้วจ้างคนมาก่อสร้าง (อาจจ้างคนมาช่วยขายด้วย) แล้วก็รับเงินกำไรจากการขายเป็นสำคัญ 2.ส่วนมากแล้ว การพัฒนาที่ดินก็เน้นที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ ไม่มีความถนัดในการก่อสร้างอาคารแบบอื่น 3.ส่วนรายที่พัฒนาอาคารสำนักงาน โรงแรม หรืออื่นๆ ก็พัฒนาแค่แห่งเดียว หรือไม่กี่แห่งก็เลิกกันไป ไม่ได้ทำต่อเนื่อง 4.บางคนทำ Serviced Apartments สักแห่งสองแห่งแล้วก็เซ้งให้ Accor หรือเจ้าอื่นเอาไปทำต่อ นั่งเก็บกินรายได้ ไม่ได้ช่วยพัฒนาแบรนด์ไทยๆ หรือไม่ได้พัฒนา Knowhow ใดๆ ให้เกิดขึ้นในแผ่นดินไทย ทั้งหมดข้างต้นนี้เรียกว่า ยังไม่ยั่งยืน ตลาดคงไม่สามารถเติบโตได้ทุกปี หรือไม่อาจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากเราพัฒนาที่ดินในแนวนี้ต่อไปก็คงจะลำบาก ยิ่งถ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลง ขายไม่ออก ขายได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้มาก  จากประสบการณ์การพัฒนาที่ดินของบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นบริษัทชั้นนำจริงๆ ในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะที่เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ที่แท้ หรือที่อยู่ในความใฝ่ฝันนั้นควรมี 1.แผนธุรกิจที่ดี 2.เรื่องราวของบ้านอัจฉริยะ 3.การพัฒนาแบบผสมผสาน 4.การฟื้นฟูเมือง 5.การสร้างเมืองใหม่ เมืองชี้นำ เพื่อให้กลายเป็นเมืองบริวารของเมืองใหญ่ โดยมีการพัฒนาแบบครบวงจร สามารถก่อสร้างได้หลายๆ ระยะ  สิ่งที่ต้องเน้นเป็นพิเศษก็คือ ระบบการก่อสร้างแบบเดิมๆ ที่ใช้กำลังแรงงานเป็นหลัก ก่ออิฐฉาบปูน ต้องเลิกไปโดยเร็วที่สุดเพราะควบคุมเวลา ต้นทุนอะไรแทบไม่ได้ ทุกอย่างจะมีความผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Errors) อยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องเน้นการพัฒนาบ้านในเชิงอุตสาหกรรม ตั้งแต่ระบบพื้น คาน เสา ตลอดจนไปถึงโครงสร้างทั้งหมด ระบบงานสถาปัตยกรรม และเรื่องระบบประกอบอาคารทั้งหลาย ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างจะเหลือแต่ “ศิลปิน” ที่มีไว้เพิ่มค่าให้กับอาคารด้วยฝีมือที่บรรจงประณีต ไม่ใช่อาศัยกรรมกรก่อสร้างที่ไร้ฝีมือแต่อย่างใด

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/644283

วันที่ 30 มี.ค. 61