รัฐฯ มาผิดทางสร้างบ้านให้คนจน ล้นตลาดกว่า 2.5 หมื่นหน่วย

จากการสำรวจของศูนย์วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส กลับพบว่า ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่พัฒนาโดยเอกชนเองยังล้นตลาดถึงกว่า 25,000 หน่วย ปัจจุบันที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีหน่วยรอการขายทั้งหมด 193,820 หน่วย โดยเป็นระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท/หน่วย ประมาณ 25,919 หน่วย คิดเป็น 13% ของหน่วยรอการขายทั้งหมด ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบห้องชุด ประมาณ 81% หรือจำนวน 20,927 หน่วย ส่วนที่เหลือเป็นแนวราบ ประมาณ 19% หรือจำนวน 4,992 หน่วย เนื่องจากราคาที่ดินสูงขึ้น ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถพัฒนาโครงการแนวราบได้มากนัก ยกเว้นจะตั้งอยู่ไกลจากใจกลางกรุงเทพฯ ที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ที่รอการขาย 25,919 หน่วยนี้ มูลค่ารวมกันประมาณ 30,073 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขายหน่วยละประมาณ 1.16 ล้านบาท หรืออาจกล่าวได้ว่าสินค้ากลุ่มนี้มีราคาประมาณ 1 ล้านบาท เป็นหลัก โดยส่วนใหญ่เปิดขายมาก่อนปี 2560 มากถึง 22,682 หน่วย แบ่งเป็นแนบราบ 14,061 หน่วย และห้องชุด 77,775 หน่วย ในขณะที่สินค้าที่เปิดใหม่ในปี 2560 มีอยู่เพียง 3,237 หน่วย แบ่งเป็นแนวราบ 1,062 หน่วย และห้องชุด 4,041 หน่วย หากพิจารณาแล้วจะพบว่าราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยที่เปิดขายในปี 2560 มีราคาแพงกว่า คือเฉลี่ย 1.323 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาขายเฉลี่ยก่อนหน้าปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 1.137 ล้านบาท แสดงว่าต้นทุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากราคาที่ดิน แม้ว่าราคาค่าแรงและค่าวัสดุต่าง ๆ ยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก ต่อไปเชื่อว่าการสร้างบ้านราคาถูก จะทำได้ยากขึ้น แม้ว่าที่อยู่อาศัยราคาถูกจะเหมาะสำหรับผู้มีรายได้น้อยใน เขตเมือง แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องให้การเคหะแห่งชาติต้องนำงบประมาณของภาครัฐไปสร้างเอง อาจใช้วิธีส่งเสริมให้เอกชนสร้างโดยรัฐบาลไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะหากสร้างเองนอกจากจะไม่ได้ช่วยคนจนจริงๆ แล้ว ยังเป็นการหาเรื่องใส่ตัวโดยใช่เหตุ เติมอุปทานที่ไม่มีใครต้องการให้ล้นตลาดมากขึ้น

ที่มา : http://www.ddproperty.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0

วันที่ 23 ส.ค. 60