-
กลับไปหน้าแรกข่าว  อยู่แบบ “ลีสโฮลด์” ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด
22 ส.ค. 2017

อยู่แบบ “ลีสโฮลด์” ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

จากข้อมูลการสำรวจราคาที่ดินทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ระบุว่า ราคาที่ดินที่แพงที่สุดในปัจจุบัน ขนาด 4 ไร่ ณ สิ้นปี 2559 บริเวณสยามสแควร์ ราคา 2.0 ล้านบาทต่อตารางวา หรือไร่ละ 800 ล้านบาท แต่คาดว่า ณ สิ้นปี 2560 จะมีราคาตารางวาละ 2.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6.5% ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะที่ดินใจกลางเมืองมีสาธารณูปโภคโดยเฉพาะรถไฟฟ้าออกนอก เมือง ทำให้เข้าเมืองได้สะดวก เหมาะเป็นแหล่งจับจ่ายและสำนักงาน จึงมีราคาสูงขึ้นตลอดเวลา แม้ไม่มีการพัฒนาอะไรใหม่มากนัก ด้วยราคาที่ดินที่แพงขนาดนี้ หากนำมาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคคอนโดมิเนียมก็ต้องมีราคาขายไม่ ต่ำกว่า 3 แสนบาทต่อตารางเมตร คิดง่ายๆถ้าห้องขนาดเล็กสุด 23 ตารางเมตร ก็จะมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านบาทต่อหน่วย หรือหากจะให้เห็นภาพจริงก็ดูจากโครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) ข้างอาคารอรกานต์เยื้องเซ็นทรัลชิดลม ของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ตัวโครงการตั้งอยู่บนที่ดินที่มีราคาซื้อขายสูงสุดในประเทศคือ 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งเปิดขายเมื่อช่วงต้นปีในราคาเฉลี่ยที่ 3.5 แสนบาทต่อตารางเมตร โดยแบบเพนท์เฮ้าส์ ขนาดพื้นที่เริ่มต้นที่ 33-191 ตารางเมตร มีราคาขายอยู่ที่ 90-100 ล้านบาท เห็นราคาแบบนี้แล้ว ความหวังที่จะได้ครอบครองและเป็นเจ้าของห้องชุดใจกลางเมืองก็คงจบลง แต่หากลองปรับเปลี่ยนทัศนะคติเกี่ยวกับการถือครองแบบ Freehold แล้วลองหันมามองและศึกษา ที่อยู่อาศัยแบบสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) ก็จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ที่สำคัญยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋ามากกว่าการซื้อขายขาดได้ถึง 30-40% แต่ข้อเสียคือเมื่อครบอายุการเช่าแล้วจะไม่มีสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยนั้นต่อไป รวมถึงไม่สามารถถ่ายโอนให้ลูกหลานได้

ที่มา : https://theleader.asia/2017/08/5844

วันที่ 22 ส.ค. 60