-
กลับไปหน้าแรกข่าว  ‘เบคแฮม’ปฏิเสธมีบ้านที่สมุย / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
13 ก.ค. 2017

‘เบคแฮม’ปฏิเสธมีบ้านที่สมุย / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

มื่อเร็วๆนี้ “เดวิด เบคแฮม” ได้รับการว่าจ้างให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยให้สัมภาษณ์ว่าอยากมีบ้านในประเทศไทย และปฏิเสธว่าไม่เคยมีบ้านในไทยมาก่อน แต่ทำไมคนระดับนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูเก็ตซึ่งน่าจะรู้เรื่องดี จึงยืนยันว่าเบคแฮมมีบ้านที่สมุย ความจริงเป็นอย่างไร จะปล่อยให้ระบบข้อมูลเมืองไทยขมุกขมัวไปแบบนี้แบบไม่สิ้นสุดหรืออย่างไร คลิปเผยแพร่บทสัมภาษณ์เบคแฮมเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม โดย “วูดดี้” ในนาทีที่ 2.19 ได้ถามเบคแฮมว่า มีบ้านอยู่ในไทยหรือไม่ เบคแฮมตอบว่าไม่มี แต่อยากจะมีเหมือนกัน ในวันเดียวกันสำนักข่าว TNN ได้รายงานในทำนองเดียวกันว่า มีข่าวว่าเบคแฮมอยากมีบ้านอยู่ที่ไทย ซึ่งที่ผ่านมามีข่าวว่าเบคแฮมมีบ้านอยู่ที่เกาะสมุย แม้เบคแฮมจะปฏิเสธว่าไม่มีบ้านพักที่เกาะสมุย แต่เมื่อปี 2550 มีข่าวว่านายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยยืนยันว่า เบคแฮมพร้อมครอบครัวเข้าพักในคฤหาสน์หรูส่วนตัวราคา 200 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 7 ไร่ ตั้งอยู่บนเนินเขาแหลมหอยบ้านใต้ ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นวิวทะเลสวยงามที่สุดของเกาะ กรณีเบคแฮมควรได้รับการพิสูจน์ทราบให้ชัดเจน แม้เบคแฮมจะมาซื้อบ้านในไทยก็อาจซื้อในนามบริษัทหรือในลักษณะ Nominee ก็ได้ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความหละหลวมของประเทศไทย ถ้าเป็นในมาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศที่เจริญอื่นๆ คงไม่เกิดขึ้น แต่ในประเทศไทยอาจมีช่องโหว่ให้ข้าราชการที่ทุจริตทำการ “ขายชาติ” ได้โดยง่าย ยิ่งถ้าไม่มีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยกเว้นไปแทบทั้งหมด หรือไม่มีการเก็บภาษีมรดกแบบจริงจัง (แต่เป็นแบบไทยๆที่ราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ก็สามารถผ่องถ่ายให้ลูกหลานก่อนตายได้โดยไม่ต้องเสียภาษี) ก็เท่ากับเรากำลังยกแผ่นดินให้ต่างชาติฟรีๆ เพราะคนรวยมากๆในประเทศไทยที่มีอิทธิพลทางการเมืองทำการเล่นกล ทำให้พระราชบัญญัติเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและพระราชบัญญัติ เกี่ยวกับมรดกกลายเป็นกฎหมาย “เสือกระดาษ” ที่ไม่อาจเก็บภาษีคนรวยได้

ที่มา : http://www.lokwannee.com/web2013/?p=274504

วันที่ 13 ก.ค. 60