กลุ่มพลังงานสะอาด หวั่นสมาชิกไม่ขยับลงทุน ขอBOIเว้นภาษีเงินได้13ปีเท่ารายใหม่

ฃนายสุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานคลัสเตอร์พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเร็ว ๆ นี้ทางกลุ่มคลัสเตอร์พลังงานฯเตรียมเชิญสมาชิก 30 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนไทย เพื่อระดมความคิดเห็นถึงโอกาสที่จะขยายธุรกิจและรวมตัวกันไปลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม New S-Curve หลังจากที่ภาครัฐได้ออกมาตรการจูงใจต่าง ๆ ออกมาแล้ว เหตุใดนักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังไม่สนใจมีแผนขยายการลงทุนเพิ่ม ยังมีอะไรที่ต้องการ ยังมีอุปสรรคอะไร ทั้งนี้ หลังจากรับฟังความคิดเห็นต่าง ๆ แล้วทางกลุ่มอาจจำเป็นต้องขอเข้าหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อขอให้พิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับมาตรการส่งเสริมการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ให้กับคลัสเตอร์พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ ด้าน นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมสำรองไฟฟ้า (Energy Storage) ของไทยมีมูลค่าตลาดตอนนี้ประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนใหญ่ครั้งนี้บวกกับรัฐมีการส่งเสริมต่อเนื่อง เชื่อว่าภายใน 5 ปี มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 ล้านบาท หรือกว่า 10 เท่า และที่นิคมอุตสากรรม New S-Curve แห่งนี้จะเป็นการลงทุนของ 3 นักลงทุนรายใหญ่ของไทย จีน ไต้หวัน ที่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 2 ปี และจะเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในโลก จะส่งผลให้ GDP ของประเทศไทยโตขึ้น 3.6% ทั้งนี้ ตามแผนลงทุน 5 ปีนั้นจะสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียม ขนาด 50 GWh ต่อปี ในพื้นที่ EEC (ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา) พื้นที่ประมาณ 1,000-2,000 ไร่ มูลค่าการลงทุนกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทต้องการเริ่มเฟสแรกผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมปี 2561 กำลังผลิตเริ่มต้น 1 Gigawatt hours (GWh) ต่อปี หลังจากนั้น ในเฟส 20 จะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 50 GWh ต่อปี โดยมีเป้าหมายที่จะส่งออกขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทยทั้งหมด

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1492942527

วันที่ 24 เม.ย. 60