-
กลับไปหน้าแรกข่าว  ปฏิวัติการพัฒนาเมือง / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
23 มี.ค. 2017

ปฏิวัติการพัฒนาเมือง / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

ดร.โสภณ พรโชคชัย ในฐานะประธานกรรมการบริหารศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส และประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย  ได้จัดเสวนาวิชาการเรื่อง “นโยบายที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมืองของไทย” และได้จัดทำเอกสารประกอบการประชุมไว้ค่อนข้างชัดเจนมากและมีขนาดไฟล์ใหญ่พอ สมควร ท่านใดสนใจสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่ http://bit.ly/1FK7IX1 มีผู้ร่วมงานเกือบร้อยคนจากภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วมกันระดมสมองหาแนวทาง การพัฒนาเมือง ตั้งแต่ชุมชนแออัด บ้านจัดสรร อาคารชุด การจัดการสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ ส่วนดร.โสภณได้เสนอแนวคิดปฏิวัติเมืองแบบใหม่ย้อนแย้งกับแนวคิดทั่วไปหรือ Conventional Approach ดังนี้  1.รื้อชุมชนแออัด ปรกติชุมชนแออัดไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง แต่ดร.โสภณขอเสนอให้รื้อชุมชนแออัดใจกลางเมือง เพราะการมีชุมชนแออัดอยู่ทำให้ราคาที่ดินจำกัด สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม หากสามารถนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ได้ก็จะทำให้มูลค่าที่ดินพุ่งขึ้นทันที สามารถนำเงินมาพัฒนาที่ดินส่วนหนึ่งของชุมชนแออัดให้ประชาชนอยู่อาศัยในแนว ดิ่ง และเหลือที่ดินเพื่อการพัฒนา สามารถเพิ่มจำนวนผู้มีรายได้น้อยได้มากขึ้นด้วย แต่ต้องควบคุมการเซ้งสิทธิโดยเคร่งครัด 2.การนำส่วนราชการเข้าเมือง เช่น พื้นที่ราชพัสดุที่เป็นเขตทหารที่อาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้แล้วในขณะนี้ เพราะสามารถเคลื่อนกำลังได้รวดเร็ว แถวเกียกกาย สนามเป้า ฯลฯ ควรนำมาพัฒนาเป็นศูนย์ราชการใหม่ ควบศูนย์ธุรกิจใหม่ ให้การติดต่อราชการรวมศูนย์และกระจายออกด้วยระบบขนส่งมวลชนที่ดี ไม่ใช่กระจายศูนย์ราชการออกไปหลายๆศูนย์ ซึ่งทำให้การเดินทางติดต่อราชการของประชาชนยากลำบาก 3.นำ “หัวลำโพง” และ “หมอชิต” มาอยู่ที่เดียวกัน เพื่อความสะดวกในการเดินทางและต่อรถโดยสารที่เข้ามาติดต่อในเมือง โดย “หัวลำโพงใหม่” อาจอยู่ที่ “บางซื่อและจตุจักร” และ “บขส.” ควรอยู่ที่เดียวกันด้วย ส่วนบริเวณ “หัวลำโพงเดิม” ควรนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์เป็นศูนย์ธุรกิจหรือศูนย์ราชการ ไม่ใช่แค่นำมาทำพิพิธภัณฑ์ที่ไร้ชีวิต .ทำพื้นที่ใจกลางเมืองให้ก่อสร้างหนาแน่น โดยเพิ่ม FAR เป็น 20 ต่อ 1 และเก็บภาษีส่วนที่สร้างเพิ่มขึ้นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ จะทำให้เมืองไม่ขยายตัวออกสู่รอบนอกอย่างไร้ขอบเขต ทำให้เมืองมีการทำหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มความหนาแน่น ไม่ใช่การเพิ่มความแออัด ยังสามารถสร้างอาคารเขียว สร้างพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองได้อีกด้วย 5.สร้างเมืองใหม่ หรือ Bed City หรือเมืองบริวาร ที่เชื่อมต่อด้วยระบบรถไฟฟ้าและทางด่วนในทิศทางต่างๆ โดยอาจเป็นในทิศทางรอบๆเพื่อให้ประชาชนเดินทางไปอยู่อาศัยโดยรอบของเมืองได้ แต่ “ห้ามขาด” สำหรับจัดสรรที่ดินนอกพื้นที่อื่น เพื่อระงับการเติบโตอย่างไร้ระเบียบของกรุงเทพฯ ใครจะจัดสรรต้องจัดสรรเฉพาะพื้นที่เมืองใหม่หรือเมืองชี้นำการพัฒนาที่จัด ขึ้นในพื้นที่ที่กำหนดตามสี่มุมเมืองเท่านั้น หากดำเนินการตามนี้จะทำให้เมืองมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประชาชนก็จะมีความผาสุกกว่าที่เป็นอยู่ สามารถควบคุมการเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี เมืองก็จะมีความยั่งยืนนั่นเอง

ที่มา : http://www.lokwannee.com/web2013/?p=262466

วันที่ 23 มี.ค. 60