-
กลับไปหน้าแรกข่าว  วิ่งหนีภาษี
17 ต.ค. 2016

วิ่งหนีภาษี

ข้อเท็จจริงเหตุผลในการขายทางเจ้าของที่ดินก็บอกอยู่แล้วว่ากิจการที่บริหาร โรงแรมอยู่ไม่ได้เจ๊ง แต่ทำแล้วมันก็เหนื่อยเพราะคู่แข่งขันเยอะ ไหนจะยี่ห้อดังๆ ด้วยกัน แล้วยังจะเจอโรงแรมเถื่อนมาตอดลูกค้าไปอีก ที่ดินก็แปลงเบ้อเริ่มตัดขายไปสัก 15 ไร่ก็ยังเหลืออีก 20 ไร่ เหลือบ้านไม้อายุ 130 ปี ไว้เป็นสมบัติของตระกูลตามเจตนารมณ์ของคุณหญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ กูรูบางท่านก็วิเคราะห์เป็นตุเป็นตะว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะไม่อยากให้ลูกหลาน รับภาระจ่ายภาษี เพราะที่ดินตั้งอยู่ในย่านราคาแพงมาก ก็เลยขายทรัพย์สินแล้วมอบมรดกเป็นเงินสดให้น่าจะดีกว่า เหตุผลนี้ฟังแล้วรู้สึกว่าเข้าแก๊ป เพราะเป็นว่าเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อยู่เหมือนกัน สำหรับ ที่ดินปาร์คนายเลิศ ดีลซื้อขาย 15 ไร่ เบ็ดเสร็จ 10,800 ล้านบาท เรื่องมาโผล่เพราะคนซื้อต้องวางมัดจำ 10% เป็นเงิน 1,080 ล้านบาท เหลืออีกก้อนที่ต้องจ่ายจำนวน 9,720 ล้านบาท ประเด็นชวนคุยคือ ถ้าเจ้าของที่ดินไม่ขายออกไป จะมีภาระจ่ายภาษีอะไรบ้าง คำตอบแน่ๆ คือ "ภาษีมรดก" มีผลบังคับใช้เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา สาระ สำคัญ มรดกที่ต้องจ่ายภาษีมี 4 รายการ "อสังหาฯ-เงินฝาก-หลักทรัพย์ (หุ้น)-ยานพาหนะ" โดยทรัพย์สินมูลค่าไม่เกิน 100 ล้านไม่ต้องเสียภาษีมรดก ถ้าเราหยิบที่ดินแปลงที่เพิ่งขายไป 15 ไร่ ราคาซื้อ 10,800 ล้านบาทก็จริง แต่เวลาจ่ายภาษีรัฐคำนวณจากราคาประเมินของกรมธนารักษ์ คิดเร็วๆ ถนนวิทยุมีราคาประเมินตารางวาละ 7.5 แสนบาท ที่ดิน 1 ไร่มี 400 ตารางวา เท่ากับ 15 ไร่มี 6,000 ตารางวา คูณกันแล้วราคาประเมินแปลงนี้ตก 4,500 ล้านบาท จะเป็นฐานราคาในการจ่ายภาษี ทั้ง นี้ ภาษีมรดกเขายกเว้นให้สำหรับมูลค่า 100 ล้านบาทแรก นำมาหักลบกับ 4,500 ล้านจะเหลือ 4,400 ล้าน ถ้าจ่าย 5% เท่ากับ 220 ล้านบาท จ่ายภาษี 10% เท่ากับ 440 ล้านบาท

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1476580827

วันที่ 16 ต.ค. 59