ห้องชุดตามแนวรถไฟฟ้าเจ๊งแน่ใช่ไหม

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้สำรวจโครงการอาคารชุดตามแนวรถไฟฟ้า 280 แห่งทั่วเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ก่อสร้างเสร็จตั้งแต่ 6 - 36 เดือน (ไม่เกิน 3 ปี) เมื่อสิ้นไตรมาสที่ 1/2563 เพื่อดูว่าสถานการณ์การขายและการเข้าอยู่อาศัยเป็นอย่างไร จะกลายเป็นคอนโดฯ ร้างหรือไม่ ผลการศึกษาพบว่า 1. ห้องชุดที่สร้างเสร็จในช่วง 6-36 เดือนมีอยู่ทั้งหมด 138,630 หน่วย ยังขายไม่ออกอยู่ 17,300 หน่วย หรือ 12.5% แสดงว่าผู้ประกอบการยังมีสินค้าติดมือถึงหนึ่งในแปด ซึ่งถือว่าไม่น้อยทีเดียว เมื่อปี 2556 ขณะสำรวจครั้งแรก (สำรวจทุกปี) พบว่า มีติดมือผู้ประกอบการเพียง 4% เท่านั้น 2. มีผู้เข้าอยู่อาศัย 85,558 หน่วย หรือ 62% ของทั้งหมด ไม่ใช่ว่าส่วนใหญ่ว่างอยู่ เมื่อครบ 1 ปีแล้ว มากกว่าครึ่งหนึ่งมีผู้เข้าอยู่ ผู้ไม่เข้าอยู่มีเพียงส่วนน้อย จึงสบายใจได้ว่า ภาวะ “บ้านว่าง” มีไม่มากนัก ยิ่งถ้าเทียบกับหน่วยที่มีผู้ซื้อไปแล้ว ปรากฏว่า 70% มีผู้เข้าอยู่อาศัยแล้ว 3. ในจำนวน 85,558 หน่วยที่มีผู้อยู่อาศัยนั้น ปรากฏว่า 71,668 หน่วย อยู่โดยผู้ที่ซื้อไว้ เป็น End Users โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 84% ผู้เช่ามีเพียง 16% เท่านั้น 4. ถ้าคิดเป็นชาวต่างประเทศที่อยู่อาศัย ปรากฏว่าโดยเฉลี่ยแล้ว คนต่างชาติ (ทุกชาติโดยรวม) อยู่อาศัยประมาณ 10% เท่านั้น แสดงว่าคนต่างชาติที่มาอยู่อาศัยในห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลส่วนใหญ่มาเช่ามากกว่ามาซื้ออยู่อาศัย 5. ดูจากอัตราผลตอบแทนแล้วพบว่า ราคาเพิ่มขึ้น (Capital Gain หรือ Return of Investment) อยู่ที่ 0.9% เท่านั้น แสดงว่าราคาขึ้นไม่มากนัก ส่วนรายได้สุทธิ (Yield หรือ Return on Investment) ได้ปีละ 4% ถือว่าภาวะในขณะนี้ซื้อห้องชุดมาปล่อยเช่าคงไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร 6. สำหรับค่าเช่าตกเป็นเงิน 468 บาท/ตารางเมตร/เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเล ประเภทห้องชุด ระยะห่างไกลจากรถไฟฟ้า และระดับราคาของห้องชุดแต่ละห้องด้วย โดยนัยนี้ ห้องชุดตามแนวรถไฟฟ้า ในกรุงเทพมหานคร ก็ยังไม่ถึงขนาดล้นตลาดมากมายนัก แต่ถ้าสร้างใหม่มาขาย คงขายได้ยาก เพราะยังอยู่ในมือของผู้ประกอบการอยู่พอสมควร ผู้อยู่ส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้ออยู่อาศัยเอง ไม่ใช่ผู้เช่า และชาวต่างประเทศยังอยู่ไม่มากนัก ยกเว้นในเขตใจกลางเมือง
ที่มา : www.thaifranchisecenter.com/document/show.php?docuID=6007