-
กลับไปหน้าแรกข่าว  ถ้าอสังหาฯ จีนพัง แล้วไทยจะเหลือหรือ
11 ม.ค. 2019

ถ้าอสังหาฯ จีนพัง แล้วไทยจะเหลือหรือ

ในช่วงที่เกิด “สงครามเย็น” ทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกานั้น จะส่งผลกระทบต่ออสังหาริมทรัพย์จีนอย่างไรบ้าง ที่สำคัญจะกระทบต่ออสังหาริมทรัพย์ไทยที่บริษัทมหาชนใหญ่ๆ ของไทยอยากได้ลูกค้าจีนอย่างรุนแรงปานใด เพื่อนๆ ชาวจีน ณ กรุงปักกิ่ง และมหานครเซี่ยงไฮ้ของผมที่เคยพบกันตั้งแต่ปี 2529 ก็เพิ่งเกษียณอายุราชการกันไปในขณะนี้ จีนจากสมัยนั้นที่ข้าราชการปริญญาตรีได้เงินเดือนๆ ละ 800 บาท (ในขณะที่ไทยประมาณ 3,000 บาท) กับขณะนี้ต่างกันลิบลับ ในระหว่างวันที่ 23-29 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปพบปะกับบุคคลต่างๆ ในกรุงปักกิ่งและมหานครเซี่ยงไฮ้ครั้งล่าสุด แทบไม่ต่างจากเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น เกาหลีนัก ออกจะมีการใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในแทบทุกระดับมากกว่าด้วยซ้ำไป ถ้านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเมืองไทย อาจพบกับการ “แจกเหลี่ยม” จากเจ้าบ้านคนไทยโดยเฉพาะคนค้าคนขาย หรือแท็กซี่ให้มีข่าวให้เห็นเป็นระยะ ๆ แต่ที่ผมไปจีนในระยะหลังนี้ ทุกอย่างดูเป็นระเบียบตรงไปตรงมา ไม่มีการ “ตีหัวเข้าบ้าน” แต่อย่างใด นี่แสดงถึงความศิวิไลซ์ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาประเทศให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีกันมากขึ้น แม้จะมีความเหลื่อมล้ำ แต่ไม่เท่าประเทศไทย ในกรณีประเทศไทย Credit Suisse เผยรายงานสถานการณ์ความมั่งคั่งทั่วโลก หรือ Global Wealth Report ประจำปี 2018 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฏว่า แม้ไทยจะมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น แต่ยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำสูงมากจนน่าวิตก โดยประชากร 1% ที่ร่ำรวยที่สุดบนยอดพีระมิดครอบครองทรัพย์สินถึง 66.9% ของประเทศ ขณะที่ประชากรที่รวยที่สุด 10% ครองทรัพย์สินรวม 85.7% ส่วนประเทศจีนนั้น ความเหลื่อมล้ำเกิดจากการอยู่อาศัยในเขตเมืองและเขตชนบท แต่ไม่มากเท่าประเทศไทย ในขณะที่จีนมีประชากร 1,412 ล้านคน มีคนรวยที่มีทรัพย์สินเกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,650 ล้านบาท) ถึง 3.5 ล้านคนเลยทีเดียว ในขณะที่จีนกำลังเร่งแก้ไขความยากจนอย่างเอาจริงเอาจัง ไทยกลับคิดออกแต่มาตรการ “แจกเงิน” เป็นมาตรการเด่น ส่วนเศรษฐกิจจีนนั้นไตรมาสที่ 3/2561 ปรากฏว่าโตต่ำสุดในรอบ 9 ปี แต่เมื่อต้นปีนี้มีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งออกมาบอกว่านั่นเป็นตัวเลขที่สร้างขึ้น แต่แท้จริงโตเพียง 1.67% เท่านั้น
ที่มา : www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646334