-
กลับไปหน้าแรกข่าว  'อนันต์ อัศวโภคิน' คิดผิดแน่นอน!
23 มิ.ย. 2017

'อนันต์ อัศวโภคิน' คิดผิดแน่นอน!

ก่อนอื่นดร.โสภณ ขอเรียนว่าที่ดร.โสภณ จั่วหัวไว้ข้างต้น ไม่ได้มุ่งเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของท่านแต่อย่างใด นอกจากท่านจะมีศักดิ์ศรีเสมอหน้ามนุษย์อื่น ท่านยังเป็นนักพัฒนาที่ดินที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ที่ดร.โสภณ เองก็ยกนิ้วให้ และขอคารวะในฐานะผู้อาวุโสกว่า  แต่ดร.โสภณ เองในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน ที่สำรวจวิจัยตลาดที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่ปี 2525 ก็มั่นใจว่าสิ่งที่ท่านคิดผิดแน่นอน และถ้าขืนใครคิดและทำตามต้องเจ๊งแน่นอน! เมื่อราวหนึ่งปีก่อน ดร.โสภณ ได้มีโอกาสพบท่าน ท่านยังเมตตาเลี้ยงอาหารกลางวัน ดร.โสภณ ก็รายงานท่านตามประสาผู้เยาว์กว่าว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมาดร.โสภณ บุกไปสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยทั้งในกัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ท่านก็สัพยอกกลับมาว่าท่านไปมาก่อนนานแล้ว เจ๊งกลับมาเรียบร้อยแล้ว ท่านเป็นคนโออ่าเปิดเผยโดยแท้ สาเหตุที่เจ๊งมีหลายประการ โดยประการหนึ่งก็เกี่ยวกับการลดค่าเงินบาทในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 นั่นเอง ตอนนั้นท่านเองก็เกือบแย่เหมือนกัน สาเหตุลึกๆ ที่ทำให้นักพัฒนาที่ดินรายใหญ่ๆ ในตลาดหลักทรัพย์เพลี่ยงพล้ำในต่างประเทศเมื่อ 20 ปีก่อนนั้น ประกอบด้วย 1. การเลือกคู่หรือการจับคู่ทางธุรกิจ 2. โดยนัยนี้จึงทำให้เรามักเริ่มต้นที่โครงการขนาดใหญ่แทนที่จะทำโครงการเล็กๆ  3. หลายท่านไม่ลงทุนศึกษาภาวะตลาดให้ถ้วนถี่และต่อเนื่อง คุณอนันต์บอกว่าเราควรไปประเทศที่พัฒนาแล้วเช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย หรือยุโรป เพราะทุกอย่างที่นั่นค่อนข้างมีมาตรฐาน มีความปลอดภัย และไม่ต้องกลัวถูกโกง สิ่งที่ท่านพูดก็มีส่วนถูกอยู่ไม่น้อยโดยเฉพาะระบบภาษีซึ่งเท่าเทียมและ โปร่งใส การทุจริตประพฤติมิชอบไม่ค่อยมี แต่หลายคนที่ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศเหล่านี้โดยการชักจูงของพวกนาย หน้าข้ามชาติ มักรู้สึกผิดหวัง เพราะตอนซื้อก็ต้องเสียภาษีมากกว่าคนท้องถิ่น แต่ละปีก็ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีละ 1-3% ตามราคาประเมินซึ่งใกล้เคียงราคาตลาด แถมยังเจอภาษีมรดกที่ไม่ได้ตลกแบบบ้านเราซึ่งเก็บตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป (ปรากฏว่าที่ผ่านมาเก็บไม่ได้สักบาท) ข้าราชการ นักพัฒนาที่ดินและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ที่ผมรู้จักในอินโดจีน ต่างรู้สึกเสียดายแทนนักพัฒนาที่ดินไทย ที่ไม่ได้ไปลงทุนในประเทศของเขาซึ่งกำลังเติบใหญ่เป็นอย่างมาก ที่ เป็นอย่างนี้คงเป็นเพราะคนไทยไม่ค่อยรู้จักเพื่อนบ้านเท่าที่ควร อาจรู้จักหรือชื่นชมแต่ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีมากกว่า คนงานเขมรที่มาทำงานในไทยบอกว่า ถ้าในกัมพูชามีงานก่อสร้างมากมายเช่นในไทย เขาก็อยากกลับไปทำงานที่บ้านเช่นกันแม้จะได้ค่าแรงถูกกว่าในไทย และแม้ทุกวันนี้จะเริ่มมีการก่อสร้างมากขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้กลับด้วยเหตุผลที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือนักลงทุนจีน เวียดนามที่เข้ามาในกัมพูชามีลักษณะเอาเปรียบเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับนาย จ้างไทย คนที่เป็นนักพัฒนาที่ดินรายใหญ่ มักติดกับดักในความใหญ่ของตนเอง ชอบทำโครงการใหญ่ๆ ที่มีความสุ่มเสี่ยงมากกว่า กรณี เช่นนี้ถ้านักพัฒนาที่ดินรายย่อยไปเลียนแบบ ก็คงจะเจ๊งแน่นอน หลักในการทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยก็คือเราต้องทำตามความต้องการของตลาด ในบริเวณแถวนั้นสินค้าอะไรที่มีการเสนอขายมาก อะไรที่ขายได้ดี อะไรที่ทำแล้วมีคนเข้าอยู่โดยเป็นคนซื้ออยู่ ไม่ใช่มาเช่าอยู่ อะไรที่ ราคาขึ้นได้มากกว่า ย่อมเป็นสินค้าที่เป็นความต้องการและควรพัฒนา แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เราก็ต้องตรวจสอบบ่อยๆ ว่าเราพากันลงเหวหรือไม่ นักพัฒนาที่ดินรุ่นเด็กรายเล็กต้องเคารพและน้อมนำ ประสบการณ์ของนักพัฒนาที่ดินรายใหญ่ๆ เช่นคุณอนันต์ มาศึกษา แต่จะยอมจำนนทางความคิดไม่ได้ รุ่นใหม่ต้องมีความคิดปฏิวัติที่ยืนบนขาของตนเองและตระหนักรู้ว่ารายใหญ่ๆ ไม่ถึง 10 รายที่กินส่วนแบ่งตลาดไปถึงสองในสาม คงไม่มาสอนให้เราสามารถไปแข่งขันกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/641689

วันที่ 23 มิ.ย. 60