-
กลับไปหน้าแรกข่าว  วาทกรรมแหกตา? / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
11 พ.ค. 2017

วาทกรรมแหกตา? / โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย

ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมาช้านาน ช่วงก่อนปี 2500 ภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติราว 15% ขณะที่ภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนถึง 30-35% สินค้าหลักคือ ข้าว ยางพารา และไม้สัก แต่ปัจจุบันเป็นรถยนต์ อัญมณี เครื่องคอมพิวเตอร์ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักร และอื่นๆ ระหว่างปี 2519-2520 สัดส่วนภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมพอๆกัน แต่เริ่มแตกต่างกันชัดเจนปี 2529 เป็นต้นมา ปัจจุบันไตรมาส 3/2559 สัดส่วนภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมในผลิตภัณฑฺ์มวลรวมประชาชาติคือ 8.7% และ 37.3% แสดงว่าประเทศไทยพัฒนาไปมากแล้ว ต่างจากการนิยาม “ประเทศไทย 4.0” ที่แบ่งยุคส่งเดชไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง “ประเทศไทย 4.0” ยังระบุถึง “ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ” 2 ด้านคือ “ความหลากหลายเชิงชีวภาพ” และ “ความหลากหลายเชิงวัฒนธรรม” ก็ถือว่าหลับหูหลับตานิยาม เพราะแทบทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีทั้ง 2 สิ่งที่อ้างถึง ไม่ได้มีอะไรที่วิเศษกว่าตรงไหน ที่อ้างว่าจะดำเนินการนั้น ภาคเอกชนก็ดำเนินการอยู่แล้ว ที่ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนภาคเอกชนนั้น ความเป็นจริงหากให้ภาคเอกชนดำเนินการโดยรัฐสนับสนุนก็เพียงพอแล้ว ที่ว่าไทยติดอยู่ในประเทศรายได้ปานกลางต้องผ่าตัดใหญ่นั้นก็ต้องเริ่มที่ 1.สร้างบรรยากาศประชาธิปไตยมากขึ้น ภาพพจน์ประเทศจะได้ดีขึ้น 2.ข้าราชการต้องทำงานรับใช้ประชาชนมากขึ้น ไม่ใช่เอาเวลาไปออกกำลังกาย วันหยุดหรือเวลากลางวันสามารถสลับสับเปลี่ยนกันทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศ 3.ปฏิรูปราชการส่วนกลางให้เล็กลงและเอาข้าราชการที่ขาดประสิทธิภาพออก ไม่ใช่เลี้ยงดูไปชั่วชีวิต แถมมีบำนาญ ลาภยศสักการะมากมาย ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากมาย 4.จัดเก็บภาษีมรดกและภาษีที่ดินที่อยู่อาศัยอย่างเป็นธรรมกว่านี้ และ 5.ให้ท้องถิ่นมีงบประมาณและมีส่วนในการตัดสินใจอนาคตของตนเอง ไม่ใช่ถูกส่วนกลางควบคุม โดยสรุปแล้วรูปธรรมยุค 4.0 มีมาก่อนหน้ารัฐบาลนี้จะประกาศแล้วทั้งสิ้น ประเด็นที่ต้องกล้าพูดให้ชัดๆคือ การที่ประเทศไทยยังไม่มีประชาธิปไตยเช่นนานาอารยประเทศต่างหากที่ทำให้ ประเทศต้องติดกับดักและขัดขาตัวเอง การสร้างวาทกรรม “ประเทศไทย 4.0” เป็นเพียงวาทกรรมทางการตลาด เหมือน “ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ” ปัญหาของประเทศต้องแก้ที่รากเหง้า ไม่ใช่มีแต่พนักงานเทกระโถนมากมายซึ่งใช้จ่ายจากภาษีอากรของประชาชน แบบนี้ประเทศไทยจะเจริญได้อย่างไร?

ที่มา : http://www.lokwannee.com/web2013/?p=267651​