-
กลับไปหน้าแรกเว็บบอร์ด  จัดอับดับบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่

จาก การสำรวจข้อมูลภาคสนามถึง 1,706 โครงการทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ สิ้นปี 2557 โดยศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกลางที่สุดโดยไม่มีผู้มีส่วนได้ เสียเป็นกรรมการ ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับบริษัทพัฒนาที่ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ฯ จึงขอนำเสนอดังนี้ 

          บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินอันดับหนึ่งในประเทศไทย โดยเฉพาะในปี 2557 มีโครงการเปิดตัวใหม่ถึง 57 โครงการ รวม 19,355 หน่วย รวมมูลค่า 43,813 ล้านบาท นับได้ว่าบริษัทแห่งนี้ได้ผลิตที่อยู่อาศัยเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยที่ ภาครัฐไมต้องเสียเงินอุดหนุนใด ๆ ดำเนินการมากกว่าการเคหะแห่งชาติ และที่สำคัญยังได้กำไรมหาศาล 
          จำนวน ที่อยู่อาศัย 19,355 หน่วยที่ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ดำเนินการเฉพาะในปี 2557 นี้มีสีดส่วนถึง 17% ของทั้งหมด หรือทุก ๆ 6 หลังหรือ 6 หน่วยของที่อยู่อาศัยที่เข้าตลาดให้ผู้ซื้อบ้านได้เลือกซื้อในปี 2557 เป็นของบริษัทนี้ถึง 1 หน่วย และหากเทียบเป็นมูลค่า มูลค่า 43,813 ล้านบาทที่บริษัทนี้พัฒนาขึ้น ก็จะมีสัดส่วนถึง 12.7% ของทั้งหมด หรือทุก ๆ 1 ใน 8 หลัง/หน่วย พัฒนาโดยบริษัทนี้ แสดงว่าบริษัทนี้มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีราคาพอสมควร เหมาะสมสำหรับผู้อยู่อาศัย ไม่ได้มุ่งเน้นการผลิตที่อยู่อาศัยราคาแพงสำหรับผู้มีรายได้สูง 
          อย่าง ไรก็ตามก็ไม่ใช่ปรากฏการณ์ของการผูกขาดตลาดแต่อย่างใด เพราะยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่อีกหลายราย และเป็นเพียงผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนอยู่ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามหากรวมบริษัทขนาดใหญ่อื่น ๆ จะพบว่าสินค้าในตลาดถึงสองในสามพัฒนาโดยบริษัทมหาชนและบริษัทในเครือ อีกหนึ่งในสามที่เหลือพัฒนาโดยบริษัทขนาดเล็ก บริษัทใหญ่ ๆ เหล่านี้ได้กำไรงาม ดังนั้นหากมีความเคลื่อนไหวในการเสนอใช้มาตรการสนับสนุน ผู้ประกอบการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คงไม่ใช่มาตรการที่จำเป็นต่อตลาดแต่อย่างใด ควรมุ่งเน้นไปพัฒนาเศรษฐกิจในทางอื่นจะดีกว่า 
          สำหรับ บริษัทอันดับสองถึงห้าในแง่ของจำนวนหน่วยได้แก่ บมจ.แอลพีเอ็น ดีเวลล็อบเมนต์ บมจ.ศุภาลัย บมจ.แสนสิริ บมจ.เจเอสพี โดยมีหน่วยขายที่เปิดในปี 2557 ถึง 9,036, 7,048, 6,461 และ 4,162 หน่วยตามลำดับ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7.8% 6.2% 5.7% และ 3.6% ตามลำดับ นับว่าบริษัทเหล่านี้มีคุณูปการต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศ ไทยโดยที่รัฐบาลไม่ต้องออกเงินอุดหนุนใด ๆ จะสังเกตได้ว่าอันดับหนึ่งเช่น บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท ทิ้งห่าง ณ 17% จากอันดับสอง ณ 7.8% ถึงมากกว่าสองเท่าตัว
          หาก พิจารณาในแง่ของมูลค่าการพัฒนาที่มีสูงสุด แม้ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท จะครองอันดับหนึ่งที่ 43,813 ล้านบาทหรือราว 12.7% ของทั้งตลาด แต่อันดับสองก็มีมูลค่าไม่ต่างกันนัก โดย บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ ครองส่วนแบ่งตลาด 9.9% หรือ 34,046 ล้านบาท ห่างจากอันดับหนึ่งไม่มากนัก ส่วนอันดับสามถึงห้า ก็มีสัดส่วนใกล้เคียงกันคือ บมจ.ศุภาลัย (20,616 ล้านบาท หรือ 6.0%) บมจ.เอพี พร็อพเพอร์ตี้ (14,860 ล้านบาท หรือ 4.3%) และ บมจ.แสนสิริ (12,949 ล้านบาท หรือ 3.8%) 
          โดย ในสามอันดับแรกที่มีจำนวนหน่วยมากที่สุดได้แก่ บจก.อัสสกาญจน์ โดยพัฒนา 1,326 หน่วย มูลค่า 2,383 ล้านบาท บจก.รื่นฤดี ดีเวลลอปเมนต์ (1,142 หน่วย มูลค่า 2,812 ล้านบาท) และ บจก.พนาสนธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ (909 หน่วย มูลค่า 1,710 ล้านบาท บริษัทนอกตลาดเหล่านี้มีคุณูปการมากต่อตลาดในแง่ที่นำเสนอสินค้าราคาไม่แพง (ถูกกว่าบริษัทมหาชน) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เลือกซื้อ 
          อนึ่ง ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส สำรวจสถานการณ์ตลาดโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องปีละ 4 ครั้ง สำหรับโครงการเปิดใหม่ของอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท ก็สำรวจทุกวันและรายงานสถานการณ์เป็นรายเดือน

ที่มา : http://www.areaguru.net/topicdetail.php?tc_id=2296

 


 
=> 0515