-
กลับไปหน้าแรกเว็บบอร์ด  รถไฟฟ้าสายสีส้ม ชัยชนะของประชาชน ความพ่ายแพ้ของชาติ!

 ใน การต่อสู้ของประชาชนเรื่องการเวนคืนที่ดินนั้น เคยมีประชาชนชนะเหมือนกัน แต่เป็นชัยชนะที่ออกจะ "จอมปลอม" สักหน่อย มีตัวอย่างเช่น "ยายไฮ" "โรงแรมดุสิตธานี" และล่าสุด "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" เป็นอาทิ นับเป็นชัยชนะของประชาชน แต่เป็นความพ่ายแพ้ของชาติ!

ผมไปเยี่ยมและประเมินค่าที่ดินของยายไฮ ขันจันทาเมื่อปลายปี 2548

          ผมเคยไปช่วย "ยายไฮ ขันจันทา" ประเมินที่นาที่กลายเป็นอ่างเก็บน้ำของชุมชน ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2548 โดยประเมินได้เป็นเงินรวม 3,875,000 บาท อย่างไรก็ตามรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้จ่ายค่าทดแทนเป็นเงิน 4.9 ล้านบาท ณ ปี 2552 สูงกว่าที่ผมประเมินให้เสียอีก กรณีนี้นับเป็นความโชคดีของ "ยายไฮ" แต่ประชาชนในท้องที่ที่ต้องถูกเวนคืนไปก่อนหน้าในราคาที่ต่ำกว่านี้ อาจจะไม่ปลื้มตามยายไปด้วย
          อีก กรณีหนึ่งที่ดูคล้ายกับเป็นชัยชนะของประชาชนหรือเอกชนเหนือรัฐในด้านการเวน คืนก็คือโรงแรมดุสิตธานี ท่านคงเห็นสถานีรถไฟฟ้า MRT ที่อยู่ตรงโรงแรมดุสิตธานีไหม นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่น่าเกลียดและเอน็จอนาถ มาก เพราะตั้งอยู่บนถนนสีลมเลย รถจากพระรามสี่จะเลี้ยวเข้าสีลม ต้องอ้อมสถานีนี้ที่อยู่บนถนนก่อน สร้างต้นทุนเพิ่มแก่ประชาชนและประเทศชาติ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด


สถานีรถไฟฟ้าสีลมต้องอยู่บนถนน สร้างปัญหาแก่ส่วนรวม

          แต่เดิมตอนก่อสร้าง ก็เป็นข่าวครึกโครมว่าทางโรงแรมดุสิตธานีไม่ยอมให้สร้างเข้าไปในที่จอดรถ โรงแรม ซึ่งจริงๆ ควรสร้างเข้าไปในที่จอดรถดังกล่าว โดยโรงแรมอ้างว่าจะทำให้การประกอบกิจการโรงแรมเกิดมูลค่าด้อยลง คนมาใช้บริการไม่สะดวก กรณีนี้ทางราชการก็ควรชดเชยค่าเสียหายให้ตามสมควร  แต่จะปล่อยให้ผลสุดท้ายออกมาเป็นการก่อสร้างบนถนนเช่นนี้ นับเป็นความน่าอดสูที่พึงประณามเป็นอย่างยิ่ง  เราควรจัดการเวนคืนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายและที่สำคัญไม่กลายเป็นปัญหา ต่อส่วนรวมเช่นนี้ 
          ผม เพิ่งกลับจากประเมินค่าทรัพย์สิน ณ นครโฮจิมินห์ พบว่าขณะนี้กำลังก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกันอย่างขนานใหญ่ ที่ใจกลางเมืองนี้คือศูนย์กลางใหญ่แห่งหนึ่งของรถไฟฟ้า ซึ่งต่อไปจะนำความเจริญมาสู่ย่านนี้กันอีกเป็นจำนวนมาก เวียดนามจึงยินยอมที่จะ "กลืนเลือด" อดทนเพื่อความเจริญในวันข้างหน้า ซึ่งก็คงไม่นานเกินรอ 
          ดัง นั้นอย่าว่าแต่โรงแรมห้าดาว ศูนย์การค้าใหญ่ และร้านรวงใหญ่ ๆ ในย่านนั้นจึงถูกปิดหรือไม่ได้รับความสะดวกในการค้าขาย แม้แต่อนุสาวรีย์ลุงโฮจิมินห์ บิดาของประเทศเวียดนามที่ตั้งเด่นเป็นสง่าใจกลางนครโฮจิมินห์ซิตี้ที่ใครต่อ ใครต้องไปถ่ายภาพด้วยนั้น บัดนี้ปิดไปแล้ว เขาเอาผ้าใบคลุมไว้เลย และบริเวณโดยรอบก็ที่เป็นถนนและสวนสาธารณะก็ถูกล้อมรั้วไว้  อนุสาวรีย์สำคัญ ๆ ก็ถูกย้ายออกจากพื้นที่ใกล้เคียงไปตั้งที่อื่นเพื่อเปิดทางให้กับการสร้างรถ ไฟฟาที่จะแล้วเสร็จในปี 2561 เวียดนามทำเพื่อชาติและประชาชนวันนี้ได้ แต่ไทยกลับทำไม่ได้!
          กรณี ที่น่าสลดหดหู่อีกกรณีหนึ่งก็คือการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ปรากฏว่าชาวบ้านที่ถูกเวนคืนเรียกร้องจนสำเร็จ ให้สถานีย้ายจากโรงแรมอินทราประตูน้ำ ไปซอยรางน้ำ กรณีนี้อาจถือเป็นชัยชนะของประชาชนส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจถือเป็น "กฎหมู่" ก็คือเฉพาะคนที่เสียผลประโยชน์ แต่นับเป็นความพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงของ ประเทศชาติ และประชาชนโดยรวม การย้ายไปอยู่อีกที่ ก็จะทำให้ชาวบ้านที่อีกเดือดร้อนจากการเวนคืนเช่นกัน เมืองต้องมีการพัฒนา จะปฏิเสธการเวนคืน คงไม่ได้ แต่เราจะจัดการเวนคืนให้เหมาะสมอย่างไรต่างหาก 
          ที่ ตั้งสถานีเดิมสะดวกต่อการเดินทาง คนมาจับจ่ายที่ประตูน้ำ ราชดำริ เพชรบุรี วันละนับแสน ๆ คนจะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าได้ เดือนละหลายล้านคน ปีละหลายสิบล้านคน แต่การย้ายออกไปไกล ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น สร้างความลำบากให้แก่ประชาชนทั้งประเทศ เพียงเพื่อเอาใจคนเพียงหยิบมือเดียว ผู้เรียกร้องบางส่วน "เล่นเล่ห์" หาว่าการสร้างรถไฟฟ้านี้จะเอื้อประโยชน์ต่อศูนย์การค้าบางแห่ง แต่ในความเป็นจริง จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการค้าและประชาชนส่วนรวม


สถานีรถไฟฟ้าที่ประตูน้ำจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ไม่ใช่ห้างใดห้างหนึ่งดังถูกกล่าวอ้าง

          ถ้าเป็นในสมัยสมบูรณาญาสิทธิ ราชย์ เช่น สมัยอยุธยาที่มีการเกณฑ์แรงงานชาวบ้านไปฟรี ๆ หรือถือเอาสมบัติของประขาชนไปเข้าคลังหลวง ไปสร้างวัง ไปรบทัพจับศึกกับเพื่อนบ้าน ก็ว่าไปอย่าง แต่สมัยนี้ การเอาสมบัติของชาวบ้านไป ต้องจ่ายค่าทดแทน ถ้าค่าทดแทนไม่เหมาะสม ก็ต้องต่อสู้ แต่ไม่ใช่ดื้อแพ่ง ขัดขวางความเจริญ และทำร้ายผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวมโดยขาดหิริโอตตัปปะเยี่ยงนี้ นี่จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง 
          และ เป็นที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ ทางราชการคือการรถไฟฟ้าฯ กลับยินยอมไปตามผู้เรียกร้อง โดยไม่ใช้ความรู้ตามหลักวิชาในการทำความเข้าใจ ให้การศึกษากับชาวบ้านถึงความจำเป็นในการเวนคืน ประชาชนที่ถูกเวนคืนบางส่วน อาจจะต้องลำบากกับการโยกย้าย ก็อาจก่อสร้างอาคารชุดให้พวกเขาได้อยู่อาศัยในที่ใกล้เคียง จะได้ไม่กระทบต่อการเดินทางของบุตรหลานไปโรงเรียน ส่วนสถานที่ค้าขายก็อาจ จัดหาบริเวณใกล้เคียงให้เพื่อช่วยบรรเทาปัญหา ส่วนที่สูญเสียไม่อาจเป็นเช่นเดิม ก็ต้องจ่ายค่าชดเชยให้สมน้ำสมเนื้อ แต่จะกีดขวางการพัฒนาประเทศชาติไม่ได้


"รู" เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีส้มกับสถานีศูนย์วัฒนธรรม กำลังจะเป็นอดีต

          ยิ่งกว่านั้นเพราะความเป็น "มะเขือเผา" ของทางราชการ พอประชาชนย่านดินแดงเรียกร้องบ้าง ก็ย้ายแนวรถไฟฟ้าจากที่จะผ่านย่านห้วยขวาง ทำให้ประชาชนอยู่กันอย่างหนาแน่นในย่านนี้อดได้อานิสงส์จากรถไฟฟ้าบ้าง "รู" ของสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าศูนย์วัฒนธรรมฯ ก็คงจะกลายเป็นหม้าย กลายเป็นอดีต เพราะทางราชการจะย้ายไปถนนพระรามเก้าแทน ทั้งที่ถนนสายนี้มีคนอยู่น้อยกว่ามาก แต่อาจเอื้อประโยชน์ต่อศูนย์การค้า หรือสำนักงานใหญ่ ๆ ของเอกชนรายใหญ่ ๆ ในย่านนี้นั่นเอง 
          นับ เป็นสิ่งที่น่าสลดยิ่งที่ไทยเราต้องมีการโยกย้ายเปลี่ยนแนวการก่อสร้างต่าง ๆ ซึ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนของเรา โดยฟังแต่กฎหมู่หรือผู้เสียผลประโยชน์เพียงหยิบมือเดียว การยอมให้ "กฎหมู่" อยู่เหนือกฎหมายย่อมสร้างความอยุติธรรมต่อประชาชนอื่นที่ไม่ควรถูกเวนคืน สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ เพิ่มต้นทุนในการเดินทางสัญจร ต่อรถไฟฟ้าของประชาชน และไม่เป็นมงคลต่อ "ผู้ชนะ" บนความพ่ายแพ้ของประเทศชาติเอง 
          ขอให้ทุกฝ่ายยึดถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เพื่อเป็นมงคลต่อเราเองในที่สุดเถิด


ที่มา: http://www.areaguru.net/topicdetail.php?tc_id=2285


 
=> 7188